
KLINIQ เด้ง 3% ลุยเปิด 5 สาขาใหม่ ดันรายได้ปีนี้พุ่ง 3.5 พันล้าน
KLINIQ ดีดบวก 3% ย้ำปีนี้โกยรายได้ 3,500 ล้านบาท รับแผนขยายสาขาใหม่ทั้งปีเพิ่มอีก 10 สาขา ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 5 สาขา และครึ่งปีหลังเล็งเปิดอีก 5 สาขา รับดีมานด์ใช้บริการความสวยความงามและศัลยกรรมเพิ่มขึ้น ส่งซิกไตรมาส 4 พีกสุดรับไฮซีซั่นธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ณ เวลา 15:56 น. อยู่ที่ระดับ 22.10 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 2.79% สูงสุดที่ระดับ 22.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.72 ล้านบาท
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายมีรายได้จากการให้บริการในปี 2568 อยู่ที่ระดับ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีรายได้จาการให้บริการรวม 3,008 ล้านบาท เนื่องจากสาขาเดิมมีลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำเบอร์ 1 ของตลาดความสวยความงามของประเทศไทย และมีการขยายสาขาใหม่ในปี 2568 เพิ่มอีก 10 สาขา โดยในช่วงไตรมาส 1/2568 มีรายได้จากการให้บริการรวมแล้ว 819 ล้านบาท
สำหรับแผนการขยายสาขาใหม่ในปี 2568 จำนวน 10 สาขาดังกล่าว ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 5 สาขา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการ และส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีสาขาบริการรวมกว่า 77 สาขาทั่วประเทศ จาก ณ สิ้นปี 2567 มีสาขาให้บริการรวม 72 สาขา ภายใต้แบรนด์หลัก 5 แบรนด์ ได้แก่
- THE KLINIQUE,
- L.A.B.X,
- L’Clinic
- THE KLINIQUE SURGERY CENTER ให้บริการด้านศัลยกรรมเฉพาะทาง และ
- ให้บริการด้าน KLINIQ Wellness Spa
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดให้บริการสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา เช่น สาขาดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และเซ็นทรัลสุราษฎร์ธานี เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศโซนภูมิภาคเอเชีย 2 ราย เพื่อไปเปิดสาขาบริการเพิ่มเติมในต่างประเทศด้วย หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโรงพยาบาลศัลยกรรมนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนโครงการโรงพยาบาลศัลยกรรม ทั้งในรูปแบบเช่าพื้นที่ทำโรงพยาบาลศัลยกรรม และรูปแบบก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลศัลยกรรม ขนาดบริการ 10 ห้องผ่าตัด
ด้าน THE KLINIQUE SURGERY CENTER ให้บริการด้านศัลยกรรมเฉพาะทาง ขนาดบริการ 4 ห้องผ่าตัด ปัจจุบันมีอัตราการใช้เตียง 60% (ซึ่งแบ่งเป็นลูกค้าต่างชาติ 10-15% และลูกค้าในประเทศ 85-90%) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาใช้บริการเสริมหน้าอก เสริมจมูก และดูดไขมัน เป็นหลัก
นายแพทย์อภิรุจ กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 จะฟื้นตัวดีกว่าไตรมาส 2/2568เนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย ส่วนลูกค้าจีนเริ่มกลับมาใช้บริการมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าคนไทยยังมีการเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะทำจุดสูงสุด (Peak) ซึ่งเป็นปกติของทุกปี เนื่องจากลูกค้านิยมทำความสวยความงามในช่วงปลายปี ก่อนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่
“แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงนี้ ในส่วนของบริษัท ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากความสวยความงาม ถือเป็นปัจจัย 5 ไปแล้ว ลูกค้ายังเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การแข่งขันอุตสาหกรรมความงาม ยังไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากมีทั้งที่เปิดให้บริการใหม่ และที่ปิดบริการไปพอสมควร ดังนั้น KLINIQ ยังคงความเป็นผู้นำด้านความงาม ทั้งในแง่ฝีมือบุคลากร เครื่องมือทางการแพทย์ที่ลงทุนกว่าหลักร้อยล้านบาท นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาเสริมการบริการ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว