
WICE วิ่ง 3% การันตีรายได้ปีนี้โต 15% ส่ง 5 กลยุทธ์ยกระดับ “โลจิสติกส์”
WICE บวกกว่า 3% เดินหน้า 5 กลยุทธ์หลักการยกระดับบริการโลจิสติกส์ครบวงจร พร้อมร่วมมือพันธมิตรสากลและมองหาโอกาสลงทุนใหม่ หนุนรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ณ เวลา 11:01 น. อยู่ที่ระดับ 3.18 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 3.25% สูงสุดที่ระดับ 3.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 ล้านบาท
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันและรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์หลักของ WICE ประกอบด้วย
1) การยกระดับบริการโลจิสติกส์ให้ครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน,
2) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการซัพพลายเชนแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุน,
3) การขยายเครือข่ายขนส่งข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียนและเส้นทาง Trans-Pacific ซึ่งครอบคลุมจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐอเมริกา,
4) การลงทุนใน Green Logistics เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนของลูกค้ารายใหญ่
5) การพัฒนาทักษะบุคลากร โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานของธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่
ทั้งนี้ WICE มองว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลกมีทิศทางย้ายฐานการผลิตจากจีนมาสู่อาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ในภูมิภาค บริษัทจึงได้วางแผนรองรับอย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นการเสริมเครือข่ายบริการในประเทศที่เป็นฐานการผลิตใหม่ การลงทุนในคลังสินค้าและระบบขนส่งที่เชื่อมโยงกันในหลายประเทศ รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับสากลในจีนและสิงคโปร์ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับโลกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.–มิ.ย. 2568) WICE มีการเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการปรับตัวของธุรกิจ และความสามารถในการควบคุมต้นทุนภายใต้ภาวะตลาดที่ยังคงผันผวน
“เรายังมั่นใจว่าแนวโน้มตลาดโลจิสติกส์ระหว่างประเทศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งและบริหารซัพพลายเชน พร้อมเดินหน้าพัฒนาความสามารถของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านบริการ บุคลากร และเทคโนโลยี เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำด้านโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค และตอบโจทย์ลูกค้าทั่วโลกให้ได้มากที่สุด” นายชูเดช กล่าว
สำหรับแนวทางในระยะยาว บริษัทมุ่งหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริการโลจิสติกส์ข้ามแดนมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาเหนือ ควบคู่กับการศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่หรือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต พร้อมทั้งยึดหลักความยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น