BBL-KTB บวกแรง! รับอานิสงส์หุ้น THAI พุ่ง หนุนมูลค่าพอร์ตแปลงหนี้เพิ่ม

BBL-KTB กอดคอบวก รับแรงหนุนจากราคาหุ้น THAI พุ่งแรงต่อเนื่องหลังจากรีซูมเทรด ดันมูลค่าการลงทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุน สะท้อนมูลค่าแฝงในพอร์ตธนาคาร


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (6 ส.ค. 68) ราคาหุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ณ เวลา 12:12 น. อยู่ที่ระดับ 151.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 1.34% สูงสุดที่ระดับ 152.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 150.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,812.58 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 23.00 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.32% สูงสุดที่ระดับ 23.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,907.09 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น BBL และ KTB ปรับตัวขึ้นและมีวอลุ่มหนาแน่นเช้าวันนี้ เป้นผลมาจากการรับอานิสงส์ของราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่กลับเข้าเทรด ซึ่ง BBL-KTB เป็นเจ้าหนี้ THAI ที่ได้มีการแปลงหนี้เป็นทุนจึงมีได้รับประโยชน์จากหุ้น THAI ที่กลายเป็นมูลค่าแฝงในตัวธนาคาร

ทั้งนี้ BBL ถือหุ้น THAI ราว 2,400 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วน KTB มีจำนวน 1,300 ล้านหุ้น ตีเป็นมูลค่าราว 1.7 หมื่นล้านบาท

ขณะที่หุ้น THAI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 3 แล้วนับจากวันเข้าเทรด 4 ส.ค. เนื่องจาก Free Float ต่ำเพียง 7% และด้วยราคาเปิดวันแรกที่ 10.50 บาท ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1 บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นที่ 13.50 บาท จะมี P/E ประมาณ 13.5 เท่า แพงกว่าหุ้นสายการบินในภูมิภาคเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่แพงถ้าเทียบกับดัชนี SET ที่มี P/E 14 เท่า

นอกจากนี้  THAI ยังมีแรงเก็งกำไรงบไตรมาส 2/68 ที่คาดว่าน่าจะดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/68 อย่างไรก็ดาม บล.หยวนต้า ให้ราคาเป้าหมายหุ้น THAI ไว้ที่ 12.50 บาท ซึ่งเป็นราคาตามปัจจัยพื้นฐาน

อีกทั้ง หากย้อนกลับไปก่อนหน้า THAI กลับเข้ามาเทรดในตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่ามีมุมมองบวกและเป็นผลดีต่อเจ้าหนี้ THAI อาทิ  BBL และ  KTB โดยมีประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง ดังนี้

1.THAI จะกลับเข้ามาเทรดในตลาดหุ้นได้ช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2568 โดยหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว หาก THAI มีการชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้มีโอกาสที่ลูกหนี้ THAI จะได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นจากหนี้เสีย NPL เป็น Stage 2 และ Stage 1 ตามลำดับ (โดยจะใช้เวลารวมกันราว 9 เดือนในการเลื่อนชั้นเป็น Stage 1) จากการวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ MD&A ในไตรมาส 1/2568 ของ THAI พบว่ามีเงินกู้ยืม KTB อยู่ที่ 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 3% ของ NPL ของ KTB ที่อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ หาก THAI จ่ายได้ครบติดต่อกัน 9 เดือน จะทำให้ NPL ของ KTB หายไป 0.11% จากไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 2.97% และอาจจะมีการ reverse สำรองที่ตั้งไว้แล้ว

2.จากการสอบถาม KTB เพิ่มเติมแจ้งว่ายังไม่แน่ใจจะบันทึก THAI เป็นมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) หรือไม่ แต่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากมีการบันทึกเป็น FVTPL ก็จะมีโอกาสพิจารณาขายหากราคาตลาดมากกว่าต้นทุนที่ถืออยู่ ซึ่งจะทำให้มีการบันทึกเป็นกำไรจากเงินลงทุนในงบกำไรขาดทุนได้

โดยราคาแปลงหนี้เป็นทุน อยู่ที่ 2.5452 บาท และจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ที่ 1.33 พันล้านหุ้น ส่วน BBL ไม่พบข้อมูลเงินกู้เพราะ THAI เปิดเผยแค่รายการระหว่างกัน แต่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BBL มีการให้เงินกู้กับ THAI เช่นกัน (อิงจากข้อมูลการปล่อยสินเชื่อให้ THAI ก่อนเข้าแผนฟื้นฟูพบว่า BBL มีการปล่อยสินเชื่อ (ไม่รวมหุ้นกู้) ให้ THAI อยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท และ KTB อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท) ขณะที่ BBL ถือหุ้น THAI อยู่ที่ 2.4 พันล้านหุ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้จัดทำการวิเคราะห์ พบว่า หากราคาหุ้น THAI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆ 10% จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ของ BBL เพิ่มขึ้นราว 1.1% และ KTB เพิ่มขึ้น 0.6% โดยกลยุทย์ลงทุนยังคงแนะนำ “ซื้อ” KTB ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท และ BBL ราคาเป้าหมาย 168.00 บาท

Back to top button