BRI บวกแรง 11% แย้มครึ่งปีหลังโตเด่น ส่งมอบบ้านหนุน–เปิด 3 โครงการใหม่ 3.6 พันล้าน

BRI บวกแรง 11% แย้มครึ่งปีหลังโตแรง รับแรงหนุนส่งมอบบ้านเพิ่มขึ้น ตุนแบ็กล็อก 1,100 ล้านบาท ทยอยบุ๊กปีนี้กว่า 500 ล้านบาท ลุยเปิดบ้านใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ย้ำเป้ายอดโอนปีนี้ 5,000 ล้านบาท คงเป้ารายได้ปีนี้ 4,000 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นวันนี้(8 ก.ย.8) บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ณ เวลา 14:47 น. อยู่ที่ระดับ 1.91 บาท บวก 0.19 บาท หรือ 11.05% ราคาสูงสุด 2.02 บาท ต่ำสุด 1.73 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.47 ล้านบาท

ดร.ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2568 ดีขึ้นจากไตรมาส 1/2568 จากการทยอยส่งมอบบ้านได้มากขึ้น ประกอบกับมีการเปิดตัวโครงการใหม่และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งจะมีการประกาศประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 และประกาศงบการเงินในวันที่ 14 สิงหาคม 2568

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมียอดขาย (Presale) แล้ว 2,600 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท ทุกโครงการได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้

ส่วนแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมาจากการปรับกลยุทธ์ในการขาย ความพร้อมของทีมงานในการให้บริการ การทำการตลาด และการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้บริษัทได้กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น จากการขยายพื้นที่ รวมถึงการทยอยส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) ที่ล่าสุดมีมูลค่า 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2569

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมขาย (สต๊อก) มูลค่ารวมต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้และยอดโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2568 ดังนั้น บริษัทจึงยังคงเป้าหมายรายได้รวมในปี 2568 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท และจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ (รวมโครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

ดร.ศุภลักษณ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่นั้น มองว่าหน้าที่ของผู้ว่าการธปท. คงไม่ใช่แค่มีภาระกำกับดูแลกิจการของ ธปท. หรือการรักษาภาวะการเงินของประเทศ แต่ ธปท. ยังเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่จะประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากภาวะซบเซาเช่นนี้

โดยในระยะสั้น อาจจะต้องการการลดดอกเบี้ย ซึ่งมองว่าหากมีการลดดอกเบี้ยลงอีกจะช่วยได้ทั้งระบบ ขณะที่ในระยะกลาง อาจจะต้องให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และในระยะยาว คงต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ของครัวเรือนไทย เพื่อทำให้กำลังซื้อของคนไทยกลับมา นอกจากนี้ บริษัทยังมองว่าการผ่อนปรนให้ต่างชาติเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์แนวราบได้ง่ายขึ้น จะช่วยส่งเสริมตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทางด้วย

“ในสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทมองว่าสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ คือ การบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสม โดย อสังหาฯ แนวราบ เป็นกิจการที่อยู่ในเรียลดีมานด์จริง ๆ ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ คือ พื้นฐานในการอยู่อาศัยที่สำคัญ และถ้าเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น อสังหาฯ จะเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าหากรัฐต้องการกระตุ้น GDP กลุ่มอสังหาฯ จะติดอยู่ใน Top 5 ที่จะใช้ขับเคลื่อนด้วย” ดร.ศุภลักษณ์ กล่าว

Back to top button