TOP-SPRC วิ่งต่อ! หลังไฟไหม้โรงกลั่น El Segundo ฉุดซัพพลายวูบ 3 แสนบาร์เรล

หุ้นโรงกลั่น TOP-SPRC นำทีมบวกต่อ รับค่าการกลั่นพุ่ง หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่น El Segundo ของเชฟรอนในสหรัฐฯ กำลังผลิต 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน กลุ่มโอเปกพลัสจ่อเลื่อนแผนเพิ่มซัพพลาย ฟากดีมานด์ได้แรงหนุนฤดูหนาว และท่อง เที่ยว ล่าสุดค่าการกลั่นสิงคโปร์แตะ 6.55 เหรียญต่อบาร์เรล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ต.ค.68) ราคาหุ้นโรงกลั่นปรับตัวขึ้น ณ เวลา 10:06 น. นำโดย บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.82 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.26% สูงสุดที่ระดับ  4.86 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.80 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 36.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.69% สูงสุดที่ระดับ 36.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.40 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น TOP และ SPRC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงกลั่น El Segundo มีขนาดกำลังการผลิตที่ 2.9 แสนบาร์เรลต่อวันของบริษัท เชฟรอน (Chevron) ในเมืองเอลเซกุนโด, ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา สำหรับโรงกลั่นแห่งนี้สามารถผลิตน้ำมัน 290,000 บาร์เรลต่อวัน ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ น้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน และดีเซล นอกจากนี้ ยังมีถังเก็บขนาดใหญ่ประมาณ 150 ถัง เก็บน้ำมันสำรองได้รวมทั้งสิ้น 12.5 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ (3 ต.ค.) ค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์ แตะระดับ 6.55 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ระดับ 2.76 เหรียญต่อบาร์เรล ตอบรับแนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ระดับสูงต่อไป จากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงกลั่น El Segundo และตลาดคาดว่าการประชุมใหญ่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร วันที่ 5 ธ.ค. 2568 นี้ จะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นช่วงฤดูหนาว และการท่องเที่ยว

หุ้นโรงกลั่นอานิสงส์เชิงบวก

โดยบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โรงกลั่น El Segundo มีขนาดกำลังการผลิตที่ 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับโรงกลั่นไทยออยล์ โดยสัดส่วนการผลิตน้ำมันเบนซินของโรงกลั่นนี้อยู่ที่ 45% และอีก 41% เป็นน้ำมันดีเซล ดังนั้นมองเป็น sentiment เชิงบวกให้กับกลุ่มโรงกลั่น และอาจผลักดันทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันเบนซิน สำหรับหุ้นเด่นกลุ่มโรงกลั่นยังคงเป็น TOP โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 39.50 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า เหตุไฟไหม้โรงกลั่น El Segundo ของเชฟรอน ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่ใหญ่สุดบนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเพลิงถูกควบคุมให้อยู่ในบางพื้นที่ และยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลต่อตลาดพลังงาน เพราะโรงกลั่นดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อซัพพลายเชื้อเพลิงในภูมิภาค หากความเสียหายรุนแรงอาจกระทบอุปทานน้ำมันสำเร็จรูป และกดดันราคาน้ำมันและค่าการกลั่นในระยะสั้น

ทั้งนี้มองว่าจะมี Sentiment บวกต่อหุ้นโรงกลั่นในประเทศ ทั้งบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC ที่อาจจะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยโรงกลั่น El Segundo มีกำลังการผลิต 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน (ใกล้เคียงกับ TOP) และเป็นโรงกลั่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของสหรัฐฯ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เหตุระเบิดโรงกลั่นน้ำมัน El Segundo ของเชฟรอน ใกล้มหานครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ (กำลังการผลิต 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน) มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เน้น TOP ราคาเป้าหมาย 32 บาท

ขณะที่จีนกำลังเร่งปรับกระบวนการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (High Value added) สัดส่วนมากขึ้น เพื่อเป้าหมายสร้างขยายมูลค่าเพิ่ม (Value) ปีละ 5% ส่งผลให้ซัพพลายชะลอตัวหรือเพิ่มไม่มากใน 1-3 ปีถัดไป จากแรงหนุนหลักเน้นการเพิ่มราคาและมูลค่าเป็นสำคัญ

สำหรับแนวทางเน้นการผลิตต้องลดมลพิษ ทำให้การอนุมัติกำลังผลิต 2-3 ปีข้างหน้ามีความเข้มงวด ช่วยจำกัดซัพพลายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ขณะที่ผลจากกำแพงภาษีการค้าที่จีนโดนเก็บ 55% ทำให้เกิดการปรับตัวของภาคการผลิต คือ การควบรวมอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งเป้าโครงสร้างผลิตแบบ High Value added

โดยช่วงรอยต่อการปรับตัว ภาษีจีนที่โดนเก็บสูงจะหนุนหุ้นผลิตภัณฑ์ PET ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว คือ IVL ซึ่งมีภาพได้ประโยชน์ภาษีการค้าเพิ่ม โดยเฉพาะบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ที่เป็นผู้ผลิตหลักของ PET ใน US ที่ได้ประโยชน์โดยตรง ความพยายามการขยายตลาดและความร่วมมือความต้องการคาดหนุน Demand เป็นแรงส่งการฟื้นตัว Spread เพิ่มเติม

สำหรับแนวทางขับเคลื่อนนโยบาย Anti-involution ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ  และตลาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นในการประชุม Prenumm 4th ของจีนหลัง Golden Week ผสานเชิงกลยุทธ์ คาดจะมีแรงกลับสถานะเกิดขึ้น แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, IVL, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ไปกับพัฒนาการบวกหนุนตลาดมั่นใจภาพอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะฟื้นตัวอย่างเด่นชัดในปี 2569

Back to top button