
BPP พุ่ง 24% รับข่าวบอร์ด BANPU ไฟเขียวควบรวม ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นแบบ General Offer
BPP-BANPU กอดคอบวก หลังบอร์ดบ้านปู อนุมัติแผนควบรวมกับ BPP เพื่อปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม เพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจ เตรียมตั้งโต๊ะทำ General Offer รับซื้อหุ้น BPP จากผู้ถือหุ้นรายอื่น หนุนกลยุทธ์ Energy Symphonics สู่การเติบโตยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (30 ต.ค.68) ราคาหุ้นกลุ่มบ้านปูปรับตัวขึ้น ณ เวลา 10:06 น. นำโดย บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 24.51% สูงสุดที่ระดับ 12.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195.30 ล้านบาท
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU อยู่ที่ระดับ 4.50 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.65% สูงสุดที่ระดับ 4.54 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 162.48 ล้านบาท
โดยเป็นผลมาจากวันนี้ BANPU ได้แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีความคล่องตัวและความพร้อมในการสร้างโอกาสในการเติบโต โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ Energy Symphonics เนื่องจากโครงสร้างการจดทะเบียนในปัจจุบันของกลุ่มบริษัทยังไม่เอื้อต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างเต็มศักยภาพ การปรับโครงสร้างครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินกลยุทธ์
พร้อมปรับตำแหน่งทางธุรกิจ (Positioning) และทิศทางการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหิน (Non-coal)
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท ดังต่อไปนี้
อนุมัติให้ดำเนินการควบรวม BANPU และ BPP ภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โดยบริษัทฯ และ BPP จะสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล และเกิดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ขึ้นจากการควบบริษัท ซึ่งบริษัทใหม่ดังกล่าวจะได้รับไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทฯ และ BPP
อนุมัติให้บริษัทฯรับซื้อหุ้นของ BPP เป็นการทั่วไปจากผู้ถือหุ้นรายอื่น (General Offer) ก่อนการดำเนินธุรกรรมการควบบริษัท เพื่อเป็นการเข้าลงทุนเพิ่มสัดส่วนใน BPP ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโต และคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนการลงทุนที่ดี
อนุมัติให้บริษัทฯ ให้เข้าทำสัญญาควบบริษัทกับ BPP เพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกรรมการควบบริษัท รวมถึงการเข้าทำและลงนามในเอกสารอื่นใดอันเกี่ยวข้องกับสัญญาการควบบริษัท หรือธุรกรรมการควบบริษัท
อนุมัติให้บริษัทฯ ให้บริษัท บ้านปูมินเนอรัล จำกัด (BMC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ BANPU ถือหุ้น 100% ได้แสดงความประสงค์ที่จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของBPP จากผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทที่เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและออกเสียงคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัท ตามมาตรา 146 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. บริษัทมหาชน
อนุมัติให้บริษัทฯ แต่งตั้งบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับธุรกรรมการควบบริษัท เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเพียงพอประกอบการพิจารณาอนุมัติธุรกรรมดังกล่าว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่าน “รายการข่าวหุ้น” ถึงมุมมองต่อหุ้น BANPU ว่าแม้ฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทจะไม่ได้ทำการสำรวจหุ้นดังกล่าวโดยตรง แต่จากภาพรวมถือว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบ้านปูสะท้อนทิศทางที่เกิดขึ้นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของดีลควบรวมกิจการ (M&A) ที่เข้มข้นมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างธุรกิจ (Corporate Restructuring) มาจากเรื่องของ ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเมื่อมีการปรับโครงสร้างแล้ว มักส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม หลายบริษัทในต่างประเทศดำเนินการในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศไทยที่ผ่านมา ยังมีดีลลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นไม่มากนัก โดยเฉพาะในบริษัทขนาดใหญ่ที่ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ แร่หายาก (Rare Earth) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ Heavy Rare Earth และ Light Rare Earth โดยกลุ่มหลังเป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมมอเตอร์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยมีรายงานว่าพบแหล่งแร่บางส่วน แต่ยังไม่ได้มีการสำรวจเชิงลึก ขณะเดียวกัน สินแร่บางประเภทสามารถสกัดได้จากถ่านหิน ซึ่งในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลียและจีน มีการศึกษาวิจัยและต่อยอดจนสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้แล้ว
สิ่งนี้ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่อาจต่อยอดได้ในอนาคต แต่ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าทางผู้บริหารของบ้านปูมีแผนการลงทุนในธุรกิจด้าน Rare Earth มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้เริ่มเป็นที่สนใจของนักลงทุน เนื่องจากเห็นตัวอย่างจากต่างประเทศที่สามารถพัฒนาได้จริง หากประเทศไทยได้รับการยืนยันว่ามีสินแร่ Rare Earth อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ และสามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพด้านการผลิตและการค้าของประเทศในอนาคต

