CFARM วิ่ง 8% ลุ้นรายได้ Q4 สดใส รับแผนลดต้นทุน-บริหารเวลาเลี้ยงไก่

CFARM บวกเกือบ 8% แย้มแนวโน้มผลงานไตรมาส 4 สดใส รับแผนบริหารเวลาการเลี้ยงไก่ดีขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ธ.ค.68) บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ณ เวลา 10:47 น. อยู่ที่ระดับ 0.86 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 7.50% สูงสุดที่ระดับ 0.89 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.43 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น CFARM ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงวันนี้ รับความคาดหวังว่าทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 68 จะเติบโตต่อเนื่อง

โดย ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน พร้อมด้วย นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ CFARM เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/68 คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการปรับปรุงระบบบริหารจัดการฟาร์มและกระบวนการเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทสามารถเพิ่มรอบการเลี้ยงไก่ได้มากขึ้นจำนวน 2 รอบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนไก่ในระบบทั้งหมด 15 ล้านตัว

ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท

ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และ สอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก (Avian Flu) ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3%

“ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ไทยในขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในระบบการผลิตและคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน และ ขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพในโครงการ Farm First Assurance Scheme จาก LRQA (Lloyd’s Register Quality Assurance) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานอาหาร พร้อมมุ่งเน้นเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน ถือเป็นมาตรฐานในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และสหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ

อีกทั้งบริษัทมีจุดแข็งด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวด ส่งผลให้ฟาร์มของบริษัทปลอดโรคไข้หวัดนกมาโดยตลอด รวมถึงการมีมาตรการเชิงรุกที่รัดกุม ตั้งแต่การควบคุมทางเข้าออก การฆ่าเชื้อยานพาหนะ การอาบน้ำเปลี่ยนชุด 100% ของบุคลากร ไปจนถึงการใช้โรงเรือนระบบปิด EVAP (Evaporative cooling system) ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง ลดความเสี่ยงในการบริหารต้นทุน และ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต” ผศ.ดร.ศิริรักษ์ กล่าว

Back to top button