เกาะติดประเด็นสำคัญวันนี้-ชู 4 กลุ่มธุรกิจโตแรงปี 59

เกาะติด 4 ประเด็นสำคัญวันนี้-ชู 4 กลุ่มธุรกิจโตแรงปีนี้!


บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ค.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ SET จะผันผวนในทิศทางขาขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ของปีนี้หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับลดลงมากกว่าคาด

อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบและดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อนซึ่งเป็นเดือนแรกของปีนี้ น่าจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจแต่คงต้องดูในไตรมาสถัดไปด้วย ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเพราะราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับลงมาจนซื้อขายกันที่ระดับต่ำกว่า -2SD สำหรับกลุ่มสื่อสารที่จะมีการประมูล 4G 900Mhz วันพรุ่งนี้คงเป็นไปตามคาดเพราะมี AIS เข้าประมูลเจ้าเดียว อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ ซื้อ ADVANC (เป้า 180) JAS และ JASIF

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/หาก SET ปรับขึ้นแรงให้ขายทำกำไรบางส่วนแล้วค่อยรอรับกลับ

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: TVO (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กำลังทดสอบจุดสูงสุด คาดกำไร 2Q เลิศ ราคาหมายเป้า 35)

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และรับเหมาก่อสร้าง

Top picks ปีนี้: BDMS, SAWAD, TKN, VIBHA, CK, CPN, KCE, TOP, BEM และ EPG

 

หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น US$0.94/บาร์เรล (+1.9%) ปิดที่ US$49.56/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐปรับลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 11 อยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรล/วัน จากจุดสูงสุดที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. 2015 นอกจากนี้ Supply disruption ในแคนนาดา ไนจีเรียและลิเบีย รวมกำลังผลิตที่หายไปกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลจะยังช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับขึ้นทะลุ US$50/บาร์เรลได้ในระยะสั้น ดังนั้นราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTT และ PTTEP ก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบแต่จะอยู่ในกรอบจำกัด และเหมาะสำหรับเล่นสั้นมากกว่าซื้อแล้วถือ และเรายังให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพลังงานเพียง Neutral Top pick: TOP (เป้า 72)

(+) Fund Flow ต่างชาติวานนี้กลับมาไหลเข้าทุกตลาดในภูมิภาค : โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$133.8 ล้าน ตามด้วยตลาดหุ้นไต้หวัน US$105 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$10.23 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$19 ล้าน และอินโด US$24.8 ล้าน

(+) ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนเม.ย เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 54,986 คัน ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่ยอดขายในประเทศมากกว่าเดือนเม.ย ปีก่อน เนื่องจากจำหน่ายรถ PPV และรถกะบะเพิ่มขึ้น แม้ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรถยนต์ในประเทศจะลดลง 6.1% เรามองว่าถือเป็นสัญญาณดีของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย

(0) ส่งออกไทยเดือนเม.ย. กลับมา -8% จากปีก่อน จาก +1.3% จากปีก่อน ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 1.5% หากตัดส่วนทองคำออก ส่งออกจะหดตัว -8.3% จากปีก่อน ขณะที่นำเข้าหดตัวต่อเนื่องอยู่ที่ -14.9%จากปีก่อน จาก -6.9% จากปีก่อน และต่ำกว่าคาดไว้ที่ -7.7% อย่างไรก็ดีตัวเลขส่งออก 4 เดือนแรกของปีนี้หดตัว -1.2% จากปีก่อน อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยแบงก์กรุงศรีมองว่าส่งออกที่กลับมาหดตัวในเดือนเม.ย เป็นผลพวงมาจากเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาว ส่วนแนวโน้มที่เหลือของปีน่าจะทรงตัวและยังมองว่าการส่งออกไทยทั้งปีน่าจะติดลบ -1% จากปีก่อน

Back to top button