หุ้นยุโรปปิดลบหลังสหรัฐฯเผยตัวเลขจ้างงานอ่อนแอ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) เนื่องจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดการณ์อย่างมากนั้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 3.06 จุด หรือ -0.89% ปิด (3 มิ.ย.) ที่ 341.29 จุด และตลอดสัปดาห์ ดัชนีร่วงลง 2.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 3 สัปดาห์, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,421.78 จุด ลดลง 44.22 จุด หรือ -0.99%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,103.26 จุด ลดลง 104.74 จุด หรือ -1.03% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,209.63 จุด เพิ่มขึ้น 24.02 จุด หรือ +0.39%

ตลาดหุ้นยุโรปพลิกกลับมาปิดในแดนลบ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปถึง 0.7% ในช่วงก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.3% สู่ระดับ 4.7% หลังจากอยู่ที่ 5.0% ในเดือนเม.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% รายงานล่าสุดนี้ทำให้กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.อ่อนแรงลง และทำให้เกิดคำถามว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนี้ผิดคาดมาก โดยถึงแม้ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปเลยเสียทีเดียว แต่ก็ทำให้เกิดความกังวลอีกครั้งเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง จากมุมมองที่ว่าเฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน โดยหุ้นดอยช์แบงก์ร่วง 3.92% หุ้นเครดิต อากริโคล ลดลง 2.58% และหุ้นเอชเอสบีซีลบ 1.3% อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกได้ แม้จะลดช่วงบวกลงมาก็ตาม โดยหุ้นเหมืองได้อานิสงส์จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาสูงขึ้น

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ขณะที่ยูโรที่แข็งค่าขึ้นทำให้สินค้าจากบริษัทส่งออกของยุโรปมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น หุ้นเฟรสนิลโลพุ่ง 7.57% เป็นแกนนำหุ้นบวก ตามด้วยแรนโกลด์ รีซอร์สเซส ที่พุ่งขึ้น 6.84% เกรนคอร์ 5.52% แองโกล อเมริกัน 5.17%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยวานนี้ มาร์กิตเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนอยู่ที่ 53.1 ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 52.9 และตัวเลขเดือนเม.ย.ที่ 53.0 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 53.3 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.1 และตัวเลขเดือนเม.ย.ที่ 53.1 เช่นกัน

Back to top button