AJD คาดรายได้ Q2/59 สูงกว่า Q1/59 เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่ม

AJD คาดรายได้ Q2/59 สูงกว่า 596 ลบ. ใน Q1/59 เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้จากเดิมโต 10-15% หลังจับมืออาลีบาบา-KTB รุกอีคอมเมิร์ซ คงเป้ายอดขายตู้เติมเงิน 50,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้


นายอมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/59 คาดว่ารายได้จะสูงกว่าไตรมาส 1/59 ที่มีรายได้ 596 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศยอดขายดีมาก รวมทั้งตู้เติมเงิน และมีสมาชิกเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน”ตู้เอเจเติมสบาย”ให้บริการทั่วประเทศมียอดขายแล้ว 15,000 เครื่อง และยังคงตั้งเป้ายอดขายตู้เติมเงิน 50,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ ช่วงเวลาที่เหลือมั่นใจว่าจะได้ตามเป้าเพราะบริษัทเพิ่มทีมขาย และเมื่อระบบทุกอย่างนิ่ง ก็เชื่อว่ายอดขายจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้รวมปีนี้โตมากกว่า 15% จากเดิมตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่ 1,768 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทในฐานะตัวแทนผู้ให้บริการ Alibaba ในประเทศไทย มีธุรกิจใหม่ที่ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยขยายช่องทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

อนึ่ง AJD และบริษัท อะลีบาบากรุ๊ป จำกัด ได้ร่วมลงนามข้อตกลงกับ KTB เพื่อสนับสุนนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขยายช่องทางธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่ง AJD ในฐานะตัวแทนผู้ให้บริการ Alibaba ในประเทศไทย จะสนับสนุนธนาคารกรุงไทยในด้านของการบริการสมาชิก ทั้งในเรื่องของการจัดอบรมวิธีการใช้งาน การให้คำแนะนำระหว่างการใช้งาน ตลอดจนการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้สมาชิกอะลีบาบาในประเทศไทยสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการในการขยายตลาดและสร้างยอดขายสินค้าใน alibaba.com

โดยการเป็นตัวแทนผู้ให้บริการสมัครสมาชิกของอาลีบาบาในไทยนั้นจากเดิมที่ตั้งเป้ายอดสมาชิกทำการซื้อขายผ่านเว็บไซต์อาลีบาบาในปีนี้อยู่ที่ 5,000 ราย หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 250 ล้านบาท แต่หลังร่วมมือกับ KTB แล้ว ทาง KTB และอาลีบาบาตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะผลักดันจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 10,000 รายก็จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้เป็นลักษณะค่าคอมมิชชั่นอัตราอยู่ที่ 30-40% ของยอดบอกรับสมาชิก

สำหรับการเจรจาขยายความร่วมทางธุรกิจไปยังโลจิสติกส์ระหว่าง AJD กับอาลีบาบา กรุ๊ปนั้นคาดสรุปได้ภายในปีนี้ ขณะนี้การเจรจาคืบหน้า 70-80% แล้ว ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับการมีระบบโลจิสติกส์รองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ร่วมมือกันอยู่ รวมทั้งรองรับแผนงานการทำตลาดในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วย

ด้าน นายวูชี เจอรี่ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Alibaba.com เปิดเผยว่า สินค้าของประเทศไทยเป็นที่ต้องการและอยู่ในอันดับต้นๆที่ได้รับการค้นหาจากผู้ซื้อทั่วโลก ในขณะที่ผู้ขายสินค้าที่เป็นผู้ประกอบการจากประเทศไทยยังมีไม่มาก ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ในการขยายตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นทั้งนี้ทางอะลีบาบาได้คาดหวังว่าธนาคารกรุงไทยจะสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถขยายธุรกิจในตลาดโลกผ่านอะลีบาบา ได้ไม่ต่ำกว่า10,000 สมาชิก ภายในระยะเวลา 1 ปี

ขณะที่ นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ KTB กล่าวว่า ความร่วมลงนามในการให้บริการรับสมัครสมาชิก Gold Supplier แบบ One Stop Service เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างประเทศทำธุรกิจผ่าน Digital Platform ของ Alibaba.com ในลักษณะการค้าอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (Business to Business) เพื่อสนับสนุนให้สามารถขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดโลกในยุคดิจิทัลได้อย่างมีศักยภาพ เนื่องจากอะลีบาบา กรุ๊ป เป็นผู้นำในการให้บริการ เป็นสื่อกลางการค้าออนไลน์ โดยมีสัดส่วนตลาดสูงสุดของผู้ใช้บริการดังกล่าวในประเทศจีนที่มี Membership กว่า 100 ล้านราย ใน 240 ประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ KTB จะดำเนินการให้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสมัคร การใช้งาน ตลอดจนการแก้ปัญหาจากการใช้งาน นอกจากนี้ ธนาคารยังสนับสนุนสินเชื่อ Trade Finance เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงให้คำปรึกษาทางธุรกิจอื่นๆ และได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้บริการ KTB Corporate Online เป็นเวลา 1 ปี โดยสมัครเป็นสมาชิกGold Supplier ได้ที่สำนักงานธุรกิจ 79 แห่ง และสำนักงานธุรกิจต่างประเทศอีก 25 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสมาชิก Gold Supplier ทุกรายที่ผ่านการรับรองจาก อะลีบาบากรุ๊ป จะได้รับสิทธิพิเศษในการอัพโหลดสินค้าได้ไม่จำกัด แสดงสินค้าหน้าร้านได้สูงสุดถึง 25 รายการ พร้อมพื้นที่แบนเนอร์สำหรับโฆษณาสินค้านาน 1 เดือน

Back to top button