GFPT รับอานิสงส์หนุน

ทราบกันดีว่า GFPT ปกติจะสร้างผลการดำเนินงานสูงสุดของปีมักอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลของการส่งออก ขณะที่ช่วง 9 เดือนการส่งออกมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือ ตลาดญี่ปุ่น และตลาดยุโรป จึงน่าจะส่งผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังมีการเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก


–คุณค่าบริษัท–

 

ทราบกันดีว่า บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPTปกติจะสร้างผลการดำเนินงานสูงสุดของปีมักอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลของการส่งออก ขณะที่ช่วง 9 เดือนการส่งออกมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือ ตลาดญี่ปุ่น และตลาดยุโรป จึงน่าจะส่งผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังมีการเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

โดย GFPT มีรายได้รวมจากการส่งออกประมาณ 30% ซึ่งมีการส่งออกทางตรงและการส่งออกทางอ้อมผ่าน JV กับพันธมิตร ส่วนที่เหลือประมาณ 70% มาจากธุรกิจอื่นๆ อาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงไก่ เป็นต้น

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดว่ากำไรสุทธิของ GFPT จะเติบโต 17% ในช่วงปี 2559-2561 โดยได้แรงหนุนจาก 1. ราคาอาหารสัตว์ที่ถูกลงเนื่องจากถั่วเหลืองล้นตลาด และข้าวโพดเพิ่มขึ้นตามสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยในปี 2560 2. วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ของราคาไก่ที่ยาวขึ้น จากความต้องการขายที่ตึงตัวขึ้นในภูมิภาคหลังจากที่มีการห้ามนำเข้าสต็อกไก่รุ่นปู่ย่าเข้ามาที่ประเทศจีน เนื่องจากปัญหาโรคไข้หวัดนกในประเทศทั้งสอง 3. การขายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% ในไตรมาส 4 ปี 60 เป็น 318,000 ตัวต่อวัน

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นระยะสั้นคือผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 59 จากราคาไก่เร่งตัวขึ้นและประมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกันบริษัทร่วมทุน อย่างบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN) และบริษัท แมคคีย์ ฟู้ด เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey) มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 3,902.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,033.09 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรของบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 380.79 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 199.86 ล้านบาท หรือ 0.16 บาทต่อหุ้น ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนขายรวมลดลง รายได้อื่นเพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมทั้ง 2 แห่งเพิ่มขึ้น

ด้านผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 7,803.06 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 7,888.77 ล้านบาท ส่วนกำไรของบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 655.67 ล้านบาท หรือ 0.52 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 418.04 ล้านบาท หรือ 0.33 บาทต่อหุ้น ภาพรวมแล้วบริษัทยังมีกำไรที่แข็งแกร่ง

GFPT จะเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากราคาไก่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2560 เนื่องจากกำไรจากธุรกิจที่เกี่ยวกับไก่คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 84% ของกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2559

อีกทั้ง นักวิเคราะห์มองเห็นความเป็นไปได้ที่หุ้น GFPT จะถูก re-rate จากราคาอาหารสัตว์ที่ถูกลง, การขยายกำลังการผลิต (10% CAGR) ในช่วงปี 2559-2563, upside ของราคาไก่, และปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/E ปี 2560 ที่ 10.6 เท่า คิดเป็น discount จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มถึง 20% แนะนำให้ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 18 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นางชลลดา ศิริมงคลเกษม 71,299,400 หุ้น 5.69%

2.นายพิษณุ ศิริมงคลเกษม 70,000,000 หุ้น 5.58%

3.นายวงศกร ศิริมงคลเกษม 60,000,000 หุ้น 4.79%

4.นายสุจิน ศิริมงคลเกษม 59,501,080 หุ้น 4.75%

5.NICHIREI FOODS INC. 56,716,050 หุ้น 4.52%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ประสิทธิ์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย อนันต์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการบริหาร

3.นาย อนันต์ ศิริมงคลเกษม กรรมการ

4.นาย วิรัช ศิริมงคลเกษม รองประธานกรรมการบริษัท

5.นาย วิรัช ศิริมงคลเกษม กรรมการผู้จัดการ

Back to top button