CPF เพิ่มศักยภาพมากขึ้น

ถือว่า เป็นข่าวที่ดีครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง สำหรับ CPF ได้มีการปิดดีลสำเร็จ เข้าซื้อเงินลงทุนทั้งหมดใน Bellisio Parent, LLC เสร็จแล้วเมื่อ 20 ธ.ค.59 มูลค่า 1,075 ล้านดอลลาร์ฯ (3.82 หมื่นล้านบาท) แหล่งเงินทุนมาจากเงินกู้ยืม ปัจจุบัน ณ สิ้นงวดไตรมาส 3 ปี 59 มีสัดส่วนNet IBD/E อยู่ที่ 1.22 เท่า และภายหลังก่อหนี้เพื่อเข้าซื้อกิจการ Net IBD/E จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.43 เท่า


–คุณค่าบริษัท–

 

ถือว่า เป็นข่าวที่ดีครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง สำหรับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้มีการปิดดีลสำเร็จ เข้าซื้อเงินลงทุนทั้งหมดใน Bellisio Parent, LLC เสร็จแล้วเมื่อ 20 ธ.ค.59 มูลค่า 1,075 ล้านดอลลาร์ฯ (3.82 หมื่นล้านบาท) แหล่งเงินทุนมาจากเงินกู้ยืม ปัจจุบัน ณ สิ้นงวดไตรมาส 3 ปี 59 มีสัดส่วนNet IBD/E อยู่ที่ 1.22 เท่า และภายหลังก่อหนี้เพื่อเข้าซื้อกิจการ Net IBD/E จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.43 เท่า    

แม้ว่าผลการดำเนินงานปี 2558 ของ Bellisio จะขาดทุนราว 501 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้การตัดจำหน่ายค่าความนิยม (goodwill) ตามมาตรฐานบัญชี U.S. GAAP เข้ามา 543 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานบัญชีของไทยที่ใช้มาตรฐานบัญชี IFRS ซึ่งจะไม่มีการรับรู้การตัดจำหน่ายค่าความนิยม (goodwill) ทำให้ CPF ไม่ได้รวมการตัดจำหน่ายค่าความนิยมของ Bellisio เข้ามาในงบการเงินรวม ถือเป็น upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61

สำหรับการเข้า Bellisio Parent, LLC เป็นต่อยอดฐานการผลิต เพิ่มช่องทางจำหน่ายและยังได้แบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง

ถือเป็นจุดเปลี่ยนธุรกิจที่สำคัญอีกครั้งสำหรับการเข้าสู่ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพเติบโตสูงมาก มองเห็นได้ถึง synergy ธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากฐานการผลิตและแบรนด์ที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจอาหารแช่แข็งในตลาดสหรัฐฯและแคนาดา ด้วยการเพิ่มประเภทอาหารไทย ภายใต้แบรนด์ Bellisio เพื่อจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ

จุดแข็งของช่องทางจำหน่ายผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Walmart, Kroger และ Albertson ซึ่งไม่ซ้ำกับช่องทางจำหน่ายของ CPF ที่ผ่าน Costco และ Sam’s Club แม้ระยะสั้นจะเห็นแรงกดดันจากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากการใช้เงินกู้ยืมเพื่อเข้าซื้อกิจการ แต่ให้น้ำหนักไปที่ศักยภาพของธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาวมากกว่า

อย่างไรก็ดี ทางด้านผลการดำเนินงานงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 123,734.39 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 114,556.41 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,184.30 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,571.42 ล้านบาท หรือ 0.48 บาทต่อหุ้น  

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 348,931.21 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 322,085.64 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12,964.80 ล้านบาท หรือ 1.75 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 9,510.44 ล้านบาท หรือ 1.29 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ทางนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คงประมาณการคาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 42.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่คาดกำไรสุทธิปี 2560 จะอ่อนตัวลง 12.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นจากการใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ทั้งนี้ เชื่อว่าจุดแข็งของ CPF ที่มีรายได้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะการขายเงินลงทุน CPALL เพื่อบริหารผลกำไรไม่ให้ผันผวนมากนักที่ผ่านมา โดยที่ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานกำไรจากการขายเงินลงทุนใน CPALL ในปี 2560 ไว้แบบระมัดระวังเพียง 2 พันล้านบาท ลดลงจาก 3 พันล้านบาทในปี 2559  

แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2560 เท่ากับ 41.80 บาท อิง PBV ที่ 2.3 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี สะท้อนธุรกิจหลักที่ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติที่เกิดขึ้นในปี 2554      


 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 2,092,316,740 หุ้น 27.02%

2. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด  752,677,392 หุ้น 9.72%

3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 698,383,373 หุ้น 9.02%

4. บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 203,859,940 หุ้น 2.63%

5. WORTH ACCESS TRADING LIMITED 95,662,200 หุ้น 2.53%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ

2.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะผู้บริหาร

3.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่

4.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการ

5.นาย ประเสริฐ พุ่งกุมาร รองประธานกรรมการ

Back to top button