TSE หุ้นเหนือนักวิเคราะห์

บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีอะไรสักอย่างที่ทำให้โฉลกไม่ตรงกัน ปี 2559 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เกือบทุกสำนักพากันฟันธงบอกว่า กำไรสุทธิจะเติบโตต่ำหรือทรงตัว เพราะโครงการยังไม่ผลิดอกออกผลต้องรอปี 2560 แต่... งบสิ้นงวดปี ที่ออกมา ทำเอานักวิเคราะห์ถูกหักปากกาเซียนย่อย


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีอะไรสักอย่างที่ทำให้โฉลกไม่ตรงกัน ปี 2559 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เกือบทุกสำนักพากันฟันธงบอกว่า กำไรสุทธิจะเติบโตต่ำหรือทรงตัว เพราะโครงการยังไม่ผลิดอกออกผลต้องรอปี 2560 แต่… งบสิ้นงวดปี ที่ออกมา ทำเอานักวิเคราะห์ถูกหักปากกาเซียนย่อยยับ

กำไรสิ้นงวดปี 2559 ของ TSE ดีเกินคาด (ดูกราฟประกอบ) เพราะกำไรโตถึง 18.4% แถมที่สำคัญ อัตรากำไรสุทธิกลับโดดเด่นอย่างมาก 60.96% เป็นอัตรากำไรสุทธิอันดับสองของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเกือบ 700 บริษัท เป็นรองก็แค่ BROOK เท่านั้นเอง

ที่สำคัญเป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ ไม่มีกำไรพิเศษอะไรมาเปรอะเปื้อนให้รกรุงรัง เพราะรายงานชัดเจนว่า….เป็นผลมาจากการที่เครือบริษัทใต้ TSE สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) สำหรับโครงการโซลาร์รูฟท็อปครบทุกโครงการ และการเริ่มรับรู้รายได้จากการทยอยจำหน่ายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอีก 4 โครงการ

ปีนี้ก็เช่นกัน ยังไม่ทันไร นักวิเคราะห์ปากกล้าบางสำนักไม่ยอมเข็ด ออกมาระบุว่า ปีนี้กำไรหลักจะทรงตัวที่ ราว 509 ล้านบาท (โดยไตรมาสแรกจะกำไรลดลงเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) เพราะ…ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ที่จะเริ่มขายไฟฟ้าเพิ่มในปีนี้ ยกเว้นการขายไฟฟ้าจากโซลาร์ญี่ปุ่นราว 4 MW เท่านั้น และมองว่าดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาลดทอนผลบวกจากการขายไฟฟ้าในโครงการใหม่ แม้ว่าปีต่อปีจะกำไรโดดเด่น เฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าปีละ 33%

บอกใบ้อย่างนี้ เท่ากับว่าให้รอเล่นตัวอื่นก่อนล่ะกัน…หยามกันตรงๆ

คำชี้แนะของนักวิเคราะห์สวนทางกับคำพูดของผู้บริหาร TSE ที่ระบุอย่างมั่นใจว่า ในปี 2560 ผลประกอบการจะเติบโตขึ้นจากปี 2559 จากการที่สามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ญี่ปุ่นได้อีกราว 10 MW โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้อีก 5-6 MW ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยจะนำร่องถึงโครงการที่ใหญ่กว่าอย่างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 154.98 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 2,080 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 19,658 ล้านบาท

โครงการที่ว่า คืออนาคตที่มีความหมายมาก เพราะหมายถึงเดิมพันระดับสูงกว่าเดิมหลายเท่า

ในปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 36 โครงการ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก โดยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 143.68 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นภายในประเทศจำนวน 29 โครงการ กำลังการผลิต จำนวน 121.7 เมกะวัตต์ และในญี่ปุ่น จำนวน 7 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายจำนวน 21.98 เมกะวัตต์

โครงการลงทุนในญี่ปุ่นเป็นความท้าทายใหม่และสำคัญไม่แพ้ในไทย หลังจาก TSE นำโดย นางสาว แคทลีน มาลีนนท์ ลูกสาวคนเก่งและสวยของนายประชา มาลีนนท์ ในฐานะซีอีโอ ของ TSE ตัดสินใจนำเงินไปลงทุนผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์กับพันธมิตร 2 รายในญี่ปุ่น เมื่อปี 2558 รวมกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ ที่เริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าได้ตั้งแต่ต้นปี 2559 และสามารถทำรายได้ต่อปีอย่างน้อย 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีก 2-3 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 100-200 เมกะวัตต์ โดยมีทั้งรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ

ล่าสุด ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา โครงการใหม่ก็เดินหน้าต่อ เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 154.98 MW (กำลังการผลิตติดตั้ ง 182.76 MW) ร่วมกันกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (“STEC”) ในบริษัทร่วมทุน เพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนตามสัมปทานขายไฟฟ้าให้ แก่ Tohoku Electric Power Co.,Inc เป็นระยะเวลา 20 ปี ที่อัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) หน่วยละ 36 เยน ณ เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น

โครงการร่วมทุนดังกล่าวจะมีบริษัทร่วมลงทุน โดยมีสัดส่วนระหว่าง TSE และ STEC เท่ากับ 60 ต่อ 40 ของมูลค่าการลงทุนรวม เพื่อเข้าถือหุ้นร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นในโครงการโรงไฟฟ้า มูลค่าลงทุนรวม 61,240 ล้านเยน หรือคิดเป็นประมาณ 19,658 ล้านบาท

เรียบร้อยพร้อมเดินหน้าแผนการระดับ “ก๊อดซิลล่า” เต็มตัว

การเดินหน้าลงทุนใหญ่นี้ นอกจากสอดรับกับยุทธศาสตร์ขยายปริมาณการผลิตไฟฟ้าให้เติบโตเฉลี่ยที่ 100 MW เพื่อให้ TSE สามารถติดสามอันดับแรกของผู้ประกอบธุรกิจพลังงานทางเลือกของไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ยังทำให้อนาคตของ TSE ยกระดับเล่นเกมใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า

งานนี้ จะได้รู้กันว่า TSE ใต้การนำของ นางสาวแคทลีน กับนักวิเคราะห์ ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน  แล้ว TSE จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ หุ้นเหนือนักวิเคราะห์อีกหรือไม่

เดิมพันนี้ ไม่ธรรมดา

 

Back to top button