คุณค่าบริษัท : COM7 ทำกำไรได้แจ๋ว

ดังที่ทราบกันดีว่า ในปัจจัยพื้นฐานของ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเติบโตทั้งแบบ Organic และ Inorganic ในการช่วยหนุน และคาดจะหนุนให้กำไรเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต


ด้วยนักวิเคราะห์ก็คาดการณ์ว่ากำไรปี 2560 คงเติบโต 46% เนื่องจากบริษัทยังเน้นกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างเต็มที่ แต่ให้มีการใช้เงินลงทุนที่น้อย และพัฒนาโอกาสในการลงทุนใหม่เพิ่มเติมขึ้น

อย่างเช่น ในส่วนของการบุกตลาด smartphone (แบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ iPhone) ซึ่งช่วยเสริมธุรกิจซิมการ์ดด้วย ประกอบกับการเพิ่มจุดขายผ่านการบริหารพื้นที่ขายสินค้า IT ใน เทสโก้ โลตัส เริ่มต้นที่ 28 สาขา เดือนนี้ ก่อนจะขยายเพิ่มเป็น 50 สาขาภายในสิ้นปี  และการเสริมทัพใหม่สร้างรายได้ผ่านธุรกิจแบบ Commercial มากขึ้น เช่น การให้บริการ  Leasing กับลูกค้าองค์กร

ล้วนแล้วจะช่วยเพิ่มจุดแข็งกับผลประกอบการในอนาคตนั่นเอง ดั่งที่ว่า บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง..

ส่วนการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 พบว่า บริษัทสามารถสร้างรายได้และกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,913.27 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,985.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ อย่าง สินค้า IT, สินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่, อุปกรณ์เชื่อมต่อและบริการอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 119.60 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.69 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจต่อการลงทุน ก็พบว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงดูดี  เพราะ บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 3,899.37 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 3,157.99 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.24 เท่า นั่นก็หมายความว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังมีพอในการขยายกิจการต่อไป

ส่วนทางปัญหาหนี้สินของบริษัทถือว่ายังไม่น่าเป็นห่วง แม้ว่าในส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 2,108.26 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินรวม 3,233.98 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินนั่นเอง ซึ่งมีจำนวน 35.69 ล้านบาท ซึ่งคำนวณแล้วจะได้ค่า D/E  อยู่ที่ระดับ 1.54 เท่า ถือว่า ปัญหาหนี้สินระดับนี้บริษัทสามารถแก้ไขได้ เพราะบริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง

อีกทั้ง ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 14.50 บาทต่อหุ้น เพราะมองๆ แล้วว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายสุระ คณิตทวีกุล 352,655,200 หุ้น 29.39%
  2. นายบัญชา พันธุมโกมล 83,373,112 หุ้น 6.95%
  3. นายประชา ดำรงสุทธิพงศ์  61,810,700 หุ้น 5.15%
  4. น.ส.อารี ปรีชานุกูล 50,600,000 หุ้น 4.22%
  5. นายอำนวย พิจิตรพงศ์ชัย 30,750,000 หุ้น 2.56%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ
  2. นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ กรรมการอิสระ
  3. นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ ประธาน กรรมการตรวจสอบ
  4. นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  5. นายสุระ คณิตทวีกุล กรรมการ

Back to top button