กองทุนลุยเดี่ยว

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่ทำให้ “โมนิก้า” ลุกไปทำธุระส่วนตัวนานๆ ไม่ได้เลย หลังนักเล่นจากทั่วสารทิศทำการเคาะหุ้น(ทั้งซื้อ ทั้งขาย)มากหน้าหลายตาในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงต้องนั่งเฝ้าหน้ากระดานจนจบการซื้อขายในแต่ละช่วง ซึ่งเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะชื่นมื่นในความคิดของเดี๊ยน เพราะสะท้อนถึงนักเล่นยังมีอารมณ์ร่วมไงล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่ทำให้ “โมนิก้า” ลุกไปทำธุระส่วนตัวนานๆ ไม่ได้เลย หลังนักเล่นจากทั่วสารทิศทำการเคาะหุ้น(ทั้งซื้อ ทั้งขาย)มากหน้าหลายตาในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงต้องนั่งเฝ้าหน้ากระดานจนจบการซื้อขายในแต่ละช่วง ซึ่งเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะชื่นมื่นในความคิดของเดี๊ยน เพราะสะท้อนถึงนักเล่นยังมีอารมณ์ร่วมไงล่ะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้แฟนคลับเข้ามาแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊คของหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” มากมายหลายหัวข้อ  น้องโมจึงขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำที่โพสต์ทิ้งไว้ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีความสนใจในหุ้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นความงดงามของตลาดหุ้นในช่วงกำลังถีบตัวขึ้นอีกครั้ง วันนี้เลยขอเม้าท์ถึงหุ้นที่ใครหลายคนใคร่อยากรู้มากเป็นพิเศษนะคะ

*ก่อนจะเข้าสู่บรรยากาศของหุ้นรายตัว “โมนิก้า” ต้องเม้าท์ถึงการแกว่งตัวไปมาก่อนจะมาปิดที่ 1,583.17 จุด บวกไป  1.75  จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.24 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนมองว่า ดัชนีจะขึ้นไปถึง 1,600 จุดในไม่ช้า แม้ในระหว่างทางจะมีการพักฐานเป็นระยะ แต่การเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะ side way up ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเล่นโหนกระแสหุ้นได้อีกหลายตัวนะจะบอกให้

*ที่น่าสนใจในเที่ยวนี้คือ เจ้าภาพหลักยังเป็นกองทุนตัวแสบอีกเช่นเคย โดยวานนี้กวาดหุ้นเข้าพอร์ตไปอีก 2.46 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวสาหุ้นออกมา 900 ล้านบาท ตามด้วยแมงเม่าเทขายหุ้นทำกำไรไปราว 800 ล้านบาท และตบท้ายด้วยปอบผีฟ้าขายหุ้นออกมาอีก 750 ล้านบาท โดยดัชนียังคงยืนหยัดเหนือแนวต้าน 1,580 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง มันทำให้ภาพรวมยังดูดีนะคะ

*เหมือนกับในรายของ IRPC ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.40 บาท บวกไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 940 ล้านบาท  “โมนิก้า” ย่อมมีความหวังที่จะได้เห็นหุ้นไต่ระดับขึ้นไปยืนแถว 5.70 บาทอีกครั้งในไม่ช้า ซึ่งเป็นช็อตต่อเนื่องที่บรรดานักเล่นต้องอ่านให้ขาด และต้องกำหนดโพสิชั่นของตัวเองให้ชัดเจนว่า หากไปต่อ..ต้องตาม หากไปไม่ไหว..ต้องถอย ก็เท่านั้นเอง!

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้พาลให้นึกถึงหุ้นสุดเลิฟ EA เมื่อไม่สามารถฝ่ากระแสขึ้นไปปิดเหนือ 37 บาทได้ตามที่คาดหวัง  ก็ต้องโดนถล่มเทขายเป็นธรรมดา และการที่หุ้นทำดีสุดด้วยการปิดที่ระดับ 36.25 บาท ลบไป 0.50  บาท ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท พร้อมกับแสดงอาการว่า น่าจะมีการจัดชุดสองตามหลังในไม่ช้า น้องโมมองเป็นเรื่องของเกมหุ้นที่ต้องมาเซ็ตใหม่ จึงเป็นจังหวะของการทยอยสะสมเช่นกันเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นน้องใหม่ที่เข้ามาในช่วงปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาอย่าง ASAP ถือเป็นตัวเร้าอารมณ์นักเล่นได้เป็นอย่างดีก็จริง แต่อย่าลืมว่า หุ้นเคยโดนสาดหุ้นหนักๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง “โมนิก้า” ถึงมีความเชื่อส่วนตัวว่า หุ้นจะย่อตัวก่อนเด้งขึ้นแรง วันนี้ถึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลงทุน หากหุ้นไปต่อไม่ไหว ก็จำเป็นต้องถอยฉากกันก่อน เพราะราคาปิดที่  8.10 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 192 ล้านบาท มันเป็นการขึ้นที่เร็วเกินไปนะสิ

*ส่วนรายที่ออกไปในทางน่ารักน่าลุ้น “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น PACE ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.64 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3% พร้อมกับมีการชี้แจงรายละเอียดปลีกย่อยที่จะทำให้บริษัทเดินหน้าได้อย่างมั่นคง เดี๊ยนมองเป็นช็อตของการสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เพราะหุ้นลงมาลึกเกินไป บวกกับพันธมิตรพร้อมอัดฉีดเม็ดเงิน จึงน่าจะทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นะคะ

*สำหรับในรายของ NMG น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเคาะรัวๆ แม้ภาพใหญ่ของหุ้นจะเป็นลักษณะ side way down แต่ทุกครั้งที่เด้งกลับขึ้นแรงทีไร มักเปิดช่องให้เข้ามาเคาะกันสนุกมือเป็นประจำ ล่าสุดเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 0.65 บาท บวกไป  0.03 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท โดยยอดเก่าอยู่ที่ระดับ 0.70 บาท มันตีความได้ว่า ต้องตามน้ำในทันทีนะจ๊ะ

*นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจพวกฮาร์ดคอร์คือ KOOL อุตสาห์เด้งจากฐาน 3 บาท ขึ้นไปยืนที่ระดับ 3.32 บาทในช่วงกลางเดือน ก.ค. สุดท้ายก็ยืนระยะไม่ไหว และอ่อนตัวลงมาเรื่อยๆ จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่  2.76 บาท ลบไปอีก 0.12 บาท หรือลงไปอีก 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขายแห้งๆ มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า สถานการณ์ของหุ้นย่ำแย่อย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่ควรเข้าไปยุ่งนะจะบอกให้

Back to top button