ขึ้นไม่ไหว

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นอะไรที่ไม่เหนือคาดหมาย หลังมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ นักเล่นเหล่านี้ก็จินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นไปถึง 1,715.41 จุด ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,705.33 จุด ลบไป 1.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.18 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรบอกไม่ถูกจริงๆ นะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นอะไรที่ไม่เหนือคาดหมาย หลังมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ นักเล่นเหล่านี้ก็จินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นไปถึง 1,715.41 จุด ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,705.33 จุด ลบไป 1.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.18 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรบอกไม่ถูกจริงๆ นะคะ

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องทักท้วงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ล้วนมาจากคำว่า money game เริ่มเล่นกันหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นถึงต้องอ่านเกมให้ขาดตั้งแต่หัววัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนที่ขึ้นไปอยู่บนยอดดอย ซึ่งเป็นประเด็นที่พยายามย้ำเตือนทุกครั้งที่เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล วันนี้ถึงต้องรายงานให้มิตรรักแฟนเพลง “ข่าวหุ้น” ได้เตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบเป็นจำนวน 3.20 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวซื้อแบบเสียไม่ได้เป็นจำนวน 1.61 พันล้านบาท พ่วงด้วยปอบผีฟ้าทิ้งออกมาอีก 894 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่เล่นกันโหดเกินไปหน่อย และคงมีคำอธิบายออกมาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบละเอียดยิบ ซึ่งเป็นมุขเดิมๆ ที่เห็นได้เป็นประจำในช่วงที่ตลาดหุ้นเริ่มถีบตัวขึ้นอีกครั้ง เดี๊ยนถึงไม่อยากคาดหวังอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ไงล่ะคะ

*เมื่อเกมหุ้นถูกเซ็ทให้ขับเคลื่อนจากนักเล่นกลุ่มนี้ KBANK จึงตกเป็นเป้าหมายแรกของการไล่ซื้อแบบสุดลิ่มทิ่มประตู พร้อมกับมีคำอธิบายออกมามากมายว่า สุขภาพของตัวธนาคาร “ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้” แต่ถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นว่า ช่วงที่หุ้นตกลงมาหนักๆ ก็เกิดจากน้ำมือก๊วนนี้เต็มๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้คิดกันนิดหนึ่งว่า การขึ้นมาปิดที่ 229 บาท บวกไป 7 บาท หรือขึ้นไป 3.15% ด้วยมูลค่า 3.12 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการ “ปล่อยของ” หรือ “ไล่เก็บ” กันแน่ตัวเอง!

*ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ แรงซื้อในเที่ยวนี้กระจายเข้าไปยังหุ้นแบงก์อย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น SCB, KTB, BBL, TMB ซึ่งมีคำบรรยายภาคภาษาหุ้นว่า ของดี..ของถูก..เชิญทางนี้! “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำมากกว่าทุ่มเทแบบจริงจัง เพราะยังมีหุ้นแบงก์บางตัวที่ยังไม่หลุดจากไซเคิลเดิมๆ ก่อนหน้านี้ วันนี้ถึงต้องจับตาหุ้นกลุ่มนี้ให้ดีเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TOP ล้วนได้รับอานิสงส์จากการกลับเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบ เพราะเมื่อมองดูราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวในระดับสูง มันเป็นตัวแปรที่ทำให้ภาพของหุ้นตัวนี้ยังดูดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “โมนิก้า” จึงค่อนข้างเห็นด้วยที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 95.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่า 898 ล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า มันเป็นจังหวะต่อเนื่อง เพราะตอนปิดเจอแนวต้านขวางเต็มกบาล..ขึ้นได้หรือไม่ ก็ไม่มีนัยสำคัญหรอกค่ะ

*ส่วนที่มีประเด็นให้ติดตาม “โมนิก้า” กลับมองไปที่ PRM ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากโดนถล่มร่วงลงจาก 14 บาท ลงมากองอยู่ที่บริเวณ 11 บาท ต่อจากนั้นเด้งกลับขึ้นทันที ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 11.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 502 ล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้ทันทีว่า มันเป็นอะไรที่นักเล่นต้องแบ่งพอร์ตมาลงทุนโดยด่วน หลังเดี๊ยนชำเลืองดูค่า P/E 28 เท่า..ยังพอมีแก๊ปให้เล่นนะซี?

*สำหรับในรายของ GUNKUL กลายเป็นนักโหนกระแสชั้นยอดของตลาดหุ้นไทย และในช่วงหลังที่เห็นบรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก มักเห็นหุ้นกระชากแบบเบาๆ เป็นประจำ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.26 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่า 222 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมตัววิ่งทะลุแนวต้าน 4.50 บาทในไม่ช้าแบบนี้..บอกได้ทันทีว่า วันนี้มีลุ้นไปต่ออีกนิดหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่า บรรยากาศต้องเป็นใจนะคะ

*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้น TRC หลายคนรู้ว่า โครงการประปาเกาะสมุยที่ได้รับการอนุมัติจะทำให้ตัวเลขในอนาคตดีขึ้นเยอะเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.13 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 2.70% เพราะอย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า บริษัทยังมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะที่เล่นตามน้ำได้อีกพักหนึ่ง วันนี้ถึงห้ามพลาดขบวนรถด่วนอีกเที่ยวนะจ๊ะ

*ก่อนจากกันขอปิดท้ายที่เรื่องร้อนของหุ้น IFEC เพื่ออัปเดตสถานการณ์ให้ทุกคนรู้ผลสรุปประชุมตัวแทนเจ้าหนี้ฝ่ายกฎหมายผู้ถือหุ้นกู้ มีทั้งหมด 4 แนวทาง 1.ยื่นฟ้องแพ่งแบบรวมกันเป็นกลุ่มของผู้ถือหุ้นกู้ 2.ยื่นฟ้องแพ่งแบบแยกกันยื่นเองตามความพร้อมของผู้ถือหุ้นกู้ 3.ยื่น DSI ให้ดำเนินคดีอาญากับกรรมการบริษัท IFEC และ 4.ส่งตัวแทนเจรจาบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องที่คนติดหุ้นต้องติดตามดูกันต่อไปนะคะ

Back to top button