การบินไทยชรา

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์กับตัวเองในเที่ยวบินที่ TG671 ขากลับจากฮอกไกโดมากรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินแบบ “จัมโบ้” โบอิ้ง 747-400 บนที่นั่งชั้นธุรกิจ


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงค์

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์กับตัวเองในเที่ยวบินที่ TG671 ขากลับจากฮอกไกโดมากรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินแบบ “จัมโบ้” โบอิ้ง 747-400 บนที่นั่งชั้นธุรกิจ

อันที่จริง ผมก็เคยนั่งเจ้าเครื่องรุ่นนี้บ่อย ไม่ว่าจะในเส้นทางญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เยอรมนี และเส้นทางจีนบางเส้น อายุการใช้งานกว่า 20 ปีของเครื่องบิน ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะก็ยังบินได้ในระดับความเร็ว 800-900 กม./ชม.ได้สบายๆ

แต่เรื่องใหญ่กลับเป็นเรื่อง “ชั้นวางของเหนือที่นั่ง” บนชั้น 2 ของเครื่องบินครับ ไม่รู้ว่าจ้างบริษัทออกแบบมาอย่างไร มันไม่สามารถจะวางกระเป๋าแบบ “แฮนด์-แครี่” ได้

น่าจะออกแบบมา “ผิดสเปก” และก็ไม่รู้ว่าผ่านการตรวจรับกันมาได้อย่างไร

มันคงจะเป็นริ้วรอยการคอรัปชั่นกันมาแต่ในอดีต และดำรงความทุเรศเวทนามาตราบจนถึงปัจจุบัน

ถ้าเจอแอร์-สจ๊วตที่ใส่ใจหน่อย ก็จะคอยดักบอกผู้โดยสารว่า อย่าได้ลากกระเป๋าขึ้นไปชั้นบน เดี๋ยวจะจัดการหาที่หาทางเก็บไว้ให้เอง

แต่รายที่แอร์-สจ๊วตไม่ได้บอกกล่าวอะไร ก็ต้องหอบกระเป๋าขึ้นไปยัดๆ ใส่เชลฟ์ ยัดไม่เข้าก็ต้องหอบกลับลงบันไดมาให้หาที่เก็บให้เป็นที่เป็นทางกันอีก

ผู้โดยสารที่ลากกระเป๋าขึ้นเครื่อง ก็หวังจะได้หยิบฉวยของใช้ส่วนตัวรวมทั้งสารพัดยาประจำตัวได้สะดวก และก็เป็นที่นั่งในชั้นธุรกิจซึ่งราคาแพงกว่าที่นั่งชั้นประหยัดเป็น 2-3 เท่าตัวซะด้วย

มันสมควรไหมล่ะ ที่จะต้องถูกพรากกระเป๋าออกห่างไปจากตัว

นอกจากความพิการในชั้นวางของเหนือที่นั่งแล้ว ก็ยังปรากฏว่าที่นั่งบางที่ บอกให้ก็ได้เลยว่าที่นั่ง 17K ซึ่งเป็นแคปซูลรุ่นแรก ไม่สามารถจะปรับเอนนอนแบบอัตโนมัติได้

ต้องใช้มือบังคับและก็ดูจะน่าสมเพชเวทนามาก

เขาใช้สจ๊วตซึ่งมีกำลังแรงกว่าแอร์โฮสเตสมาปลุกปล้ำที่นั่งครับ ถึงเวลากิน ก็ให้ผู้โดยสารลุกไปนั่งยังที่นั่งแอร์ฯ พอปรับที่นั่งตรงแล้ว ก็กลับไปนั่งกิน ยามจะนอนก็ลุกไปนั่งที่นั่งแอร์ฯใหม่ พอเครื่องจะลงก็ว้าว! ต้องลุกให้เขาปรับที่นั่งตรงอีกที

นี่แหละหนา การบินไทยยุค พ.ศ.นี้

ผมไม่โทษพนักงานต้อนรับหรอกครับ มันเป็นความพิกลพิการเชิงโครงสร้างอย่างนี้ จะสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ดีขึ้นอย่างไรได้ ออกจะเห็นใจด้วยซ้ำที่ต้องรับการต่อว่าต่อขานจากผู้โดยสารทุกเที่ยวบินไป

ทางออกก็คือ การขายทิ้งเครื่องรุ่นนี้ออกไป เพราะอายุการใช้งานก็เก๋ากึ๊กเต็มทน แล้วหาเครื่องใหม่มาทดแทน หรือหากไม่ปลดระวางก็ต้อง “รีเฟอร์บิช” ปรับปรุงภายในกันใหม่

เหมือนเครื่องรุ่นนี้ที่ “บิ๊กป้อม” เช่าเหมาลำไปฮาวายพร้อมเสิร์ฟคาเวียร์ไง

ส่วนเรื่องการปล่อยที่นั่งพิการบนชั้นบิสซิเนสให้ผู้โดยสารนั่ง และอย่างว่าแต่ชั้นบิสซิเนสเลย แม้กระทั่งชั้นประหยัดก็ไม่ควรจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้สักที่นั่งเดียว

เป็นเรื่องไม่น่าให้อภัยสำหรับผู้บริหารที่ไม่ตระหนักใส่ใจ

อ้อ! เขาก็มีรางวัลปลอบใจให้นะครับ คือ 16,000 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4,800 บาท ซึ่งผมว่าเป็นอัตราที่น่าละอายนะครับ

แต่ผู้โดยสารไม่อยากต่อความยาว เพราะกลัวไฟลต์จะล่าช้า ผู้โดยสารอื่นจะเดือดร้อน ก็ยอมหยวนๆ รับเงินให้เรื่องจบไป

มองให้ไกลไปจากเรื่องชั้นวางกระเป๋าและที่นั่งพิการออกไปหน่อย ก็ลองสังเกตดูการทำธุรกิจของสายการบินอื่น เช่น สายการบินตะวันออกกลาง หรือ อีวา แอร์ จากไต้หวัน ดูนะครับ

ทั้งสองกลุ่มการบินที่เอ่ยถึงต่างยอมบินเครื่องหลวมๆ จากโดฮาร์บ้าง ดูไบหรือไทเปบ้าง มารับลูกค้าจากกรุงเทพฯ ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกากันเป็นกอบเป็นกำ

การบินไทยเราคิดนอกกรอบไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งเรื่องชั้นวางกระเป๋า และที่นั่งพิการก็ยังแก้กันเป็นวัวพันหลักอยู่เลย

Back to top button