เล่นท้ายตลาด

*ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,607.27 บาท บวกไป 11.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.83 หมื่นล้านบาท ในระหว่างวัน แรงซื้อกับแรงขายสู้กันอยู่ตลอด จึงได้เห็นดัชนีลงไปสู่จุดต่ำสุดที่แถว 1,586.34 จุด และเด้งกลับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกในช่วงท้ายตลาดแบบหน้ามือเป็นหลังมือ การสวิงตัวในลักษณะนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการเคาะของพวกชอบเล่นทีเผลอที่เข้ามาดันตอนท้ายและพร้อมจะเทขายออกมาได้ตลอดเวลา หากใครที่ไม่ได้หงายการ์ดป้องกันเอาไว้ระวังจะล้มเสียหลัก เพราะอย่าลืมว่าตัวเลข P/E ตลาดหุ้นไทยที่ยังสูงลิ่ว หุ้นถึงต้องวิ่งลงไปหาจุดสมดุลที่เหมาะสมนะสิเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,607.27 บาท บวกไป 11.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.83 หมื่นล้านบาท ในระหว่างวัน แรงซื้อกับแรงขายสู้กันอยู่ตลอด จึงได้เห็นดัชนีลงไปสู่จุดต่ำสุดที่แถว 1,586.34 จุด และเด้งกลับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกในช่วงท้ายตลาดแบบหน้ามือเป็นหลังมือ การสวิงตัวในลักษณะนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการเคาะของพวกชอบเล่นทีเผลอที่เข้ามาดันตอนท้ายและพร้อมจะเทขายออกมาได้ตลอดเวลา หากใครที่ไม่ได้หงายการ์ดป้องกันเอาไว้ระวังจะล้มเสียหลัก เพราะอย่าลืมว่าตัวเลข P/E ตลาดหุ้นไทยที่ยังสูงลิ่ว หุ้นถึงต้องวิ่งลงไปหาจุดสมดุลที่เหมาะสมนะสิเจ้าค่ะ

*สิ่งที่ตอกย้ำได้อีกทางว่า “เดี๊ยน” ไม่ได้นั่งเทียนเขียน คงจะเป็นผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักที่ยังไม่เห็นมีหุ้นสักตัวที่จะฉายแววสดใสล้ำหน้าตัวอื่น หนำซ้ำตลาดหุ้นยังคงมีแต่ข่าวร้าย ๆ ออกมาให้เห็นอยู่ตลอด จึงยังไม่มีใครออกมาเชียร์ซื้อหุ้นตัวไหนได้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะหุ้นบลูชิพที่เคยเป็นตัวบิ้วท์อารมณ์ดัชนียังคงวนลูปอยู่ที่เดิมทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำทีท่าจะพากันไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด จึงทำให้ดัชนียังไม่เคลื่อนตัวออกห่างจาก 1,600 จุดได้สักที

*เห็นได้จากกลุ่มหุ้นชูโรงอย่างครอบครัวตัว ป. ที่กลายเป็นตัวกดดัชนีอีกครั้ง หลังจากข่าวสินค้าคงคลังสูญหายไร้ร่องรอยของบริษัทลูก GGC ยังสร้างความวิตกจากเม็ดเงินที่อาจต้องตั้งสำรองฯ 2.1 พันล้านบาท กระทบหุ้นแม่อย่าง PTTGC ราว 1.5 พันล้านบาท หรือ 3.7% ของกำไรทั้งปี “เดี๊ยน” คงไม่ต้องสาธยายให้มากความ มิตรรักแฟนเพลงคงจะเห็นกันว่าจะกระทบกับราคาหุ้นบนกระดานเท่าไหร่?

*เมื่อหุ้นลูกต้องรับผลกระทบ หุ้นแม่ใหญ่อย่าง PTT คงต้องรับรู้ผลขาดทุนไปตามสัดส่วนการถือหุ้น PTTGC ทั้งหมด 48.79% เปอร์เซ็นต์คิดเป็นเม็ดเงินราว ๆ 741 ล้านบาท หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% เท่านั้น แต่สิ่งที่นักลงทุนเขาหวั่นใจมันเป็นเรื่องของเซนติเมนต์ ถึงได้เห็นราคาหุ้นแม่วกตัวกลับลงมากองอยู่ที่ 47.75 บาท ปรับตัวลดลง 0.25 บาท หรือ 0.52% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.14 พันล้านบาทยังไม่ขยับขึ้นไปไหนได้สักทียังไงล่ะเจ้าค่ะ

*ในรายของ RS หลังถูกกระหน่ำขายไม่เว้นแต่ละวันจนอยู่ในช่วงขาลงมานาน วานนี้กลับฟื้นขึ้นมายืนแถว 15.60 บาท ได้อีกครั้ง หลัง “เฮียฮ้อ” ออกมาการันตีผลงานไตรมาส 2 จะเติบโตพุ่งพรวดแบบก้าวกระโดด ดันราคาหุ้นพุ่งทะยานช่วงท้ายตลาดไปปิดที่ 15.60 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือคิดเป็น 5.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 248.32 ล้านบาท ลักษณะการไต่ระดับขึ้นมาแบบนี้น่าจะกลับมายืนเหนือ 16 บาทได้ไม่ยากนะเจ้าค่ะ

*คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ KCE ที่ตอนนี้เป็นขาขึ้น กับค่าเงินบาทฟีเวอร์ที่เป็นใจให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังโดดเด่น ราคาหุ้นถึงถีบตัวขึ้นมาปิดที่ 40.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 737.59 ล้านบาท ด้วยแรงซื้อที่ยังไม่มีวี่แววจะเบาบางลง แถมหุ้นยังมีแก๊ปเหลือให้เล่นอีกเยอะ ของเขาดีจริงไม่ใช่แค่โฆษณาชวนเชื่อนะเจ้าค่ะ

*ต่อเนื่องกันที่หุ้นปรุงแต่งหนังหน้าอย่าง BEAUTY ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรายที่ได้รับอานิสงส์จากเซนติเมนต์เชิงบวกของตลาดในระยะสั้น ประกอบกับราคาหุ้นทรุดตัวลงมากว่า 47% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา วานนี้ถึงได้เห็นอาการสะดุ้งเฮือกจนขึ้นมาปิดที่ 13.40 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 9.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.64 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตสำคัญที่ใช้วัดใจนักเล่นได้เป็นอย่างดี เพราะคนที่ติดตามหุ้นตัวนี้ชนิดหายใจรดต้นคอแทบจะฟันธงได้ในทันทีว่าเป็นการชักกระตุกครั้งสุดท้ายอย่างไรก็อย่างนั้นเจ้าค่ะ

*ด้านหุ้น TU ยังร่วงยาวแบบกู่ไม่กลับ ล่าสุดลงมาปิดที่ระดับ 15.50 บาท ลบ 0.30 บาท หรือ 1.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 212.75 ล้านบาท ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีจากความกังวลตั้งสำรองฯ คดีความฮั้วราคาขายทูน่ากระป๋องในสหรัฐฯ 1.6 พันล้านบาท ที่ฟ้องร้องกันมายาวตั้งแต่ปี 2555 ทำให้บรรยากาศของหุ้นในช่วงตลาดผันผวนยังขาดความน่าสนใจถึงได้เห็นแรงเทขายจนหาแนวรับไม่เจอยังไงล่ะเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายกันที่ BA หลังจากหุ้นร่วงลงมาราว ๆ ครึ่งเดือน เริ่มได้เห็นการผงกหัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 12 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.26% มูลค่าซื้อขาย 68.70 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าเป็นการเก็งกำไรเล่นรอบตามวัฏจักรทางเทคนิคสั้น เพราะพื้นฐานยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันอยู่หลายขุม แถมยังโดนหั่นกำไรหักราคาเป้าหมาย เห็นภาพแบบนี้การใส่เกียร์ถอยแบบสุดซอยน่าจะเป็นจุดที่ปลอดภัยมากกว่านะเจ้าค่ะ…อิอิ

Back to top button