กองทุนดันหุ้น!

*ก่อนอื่น “โมนิก้า” ต้องขอพูดกันตรง ๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนจริง ๆ เพราะการไต่เพดานบินสูงของดัชนีในเที่ยวนี้ ล้วนเกิดจากน้ำมือของกองทุนตัวแสบที่เข้ามาไล่ซื้อหุ้นแบบไม่ยั้งมือ บวกกับไม่ได้อธิบายเหตุผลการเข้ามาเก็บหุ้นให้สังคมได้รับรู้ ส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือนักเล่นกลุ่มดังกล่าวอย่างเต็มตัวไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนอื่น “โมนิก้า” ต้องขอพูดกันตรง ๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนจริง ๆ เพราะการไต่เพดานบินสูงของดัชนีในเที่ยวนี้ ล้วนเกิดจากน้ำมือของกองทุนตัวแสบที่เข้ามาไล่ซื้อหุ้นแบบไม่ยั้งมือ บวกกับไม่ได้อธิบายเหตุผลการเข้ามาเก็บหุ้นให้สังคมได้รับรู้ ส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือนักเล่นกลุ่มดังกล่าวอย่างเต็มตัวไงล่ะคะ

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีคำถามเกี่ยวกับการวิ่งขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,626.62 จุด บวกไป 19.35 จุด  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.85 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นแทกติกการเล่นเมื่อตลาดหุ้นตกลงมาเยอะ ๆ ก็มีความจำเป็นที่ต้องดันดัชนีให้ทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปทีละแนว ไล่เรียงตั้งแต่ระดับ 1,600 จุด ต่อจากนั้นก็เป็นระดับ 1,620 จุด และขั้นต่อไปคงเป็นบริเวณ 1,650 จุดนะจะบอกให้

*ประเด็นปัญหาของการเล่นเที่ยวนี้อยู่ที่ว่า ทำได้จริงไหม? เพราะเมื่อดูตัวแปรรอบด้านที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ทำให้รู้ว่าตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายเยอะพอสมควรแล้ว ขั้นต่อไปขึ้นอยู่กับแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันจะเข้ามาเยอะขนาดไหน? หากยังเคาะกันเปาะ ๆ แปะ ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า  นี่เป็นเกมดันหุ้นไปออกของเหมือนรอบก่อนหน้านี้ทุกอย่างนะคะ

*ที่สำคัญเมื่อมองดูจากยอดซื้อของกองทุนตัวแสบวานนี้ ที่ระดับ 4.45 พันล้านบาท โดยนักเล่นกลุ่มอื่นทิ้งหุ้นแบบไม่มีเยื่อใย “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า เกมนี้เล่นกันไม่ยาวแน่ ๆ หลังข้อมูลที่ทุกคนรับรู้กันอย่างแพร่หลายเวลานี้คือ หุ้นไทยควรไปตั้งต้นเกมที่บริเวณ 1,500 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำมาก ๆ  และเดี๊ยนก็เห็นด้วยหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงตั้งข้อสงสัยหุ้นตราใบโพธิ์ SCB ก่อนใครเพื่อนว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 122 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะทุกคนรับทราบกันเป็นอย่างดีว่า แบงก์นี้มีปัญหาภายในเยอะเหลือเกิน..เฮีย อ. แตกคอกับ เฮีย ว. พร้อมกับมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นที่เรียบร้อย และเรื่องที่ทำให้บาดหมางใจก็มาจากดีลปล่อยกู้พิสดาร จึงขอให้จับตาดูเรื่องดังกล่าวให้ดีเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ GGC กระชากขึ้นมาปิดที่ 9.60 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 7.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 517 ล้านบาท ทั้งที่ยังมีชนักติดหลังอยู่แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงขั้นสูงสุดสำหรับคนที่จะเข้าเล่นหุ้นตัวนี้ เพราะมองไม่เห็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งเรื่องเน่า ๆ ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เคลียร์จบเบ็ดเสร็จแล้วจริงไหม?..ใครรู้ช่วยตอบทีนะคะ

*เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น SUPER จนทุกวันนี้สังคมทั่วไปยังไม่รู้เลยว่า ใครทุบ? ทุกอย่างถูกอธิบายด้วยเรื่องมันนี่เกม! สภาพของหุ้นเลยดูเละเทะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้ทุกคนตั้งสติให้ดีเมื่อเห็นหุ้นเหวี่ยงตัว “ขึ้นแรง ลงแรง” ขนาดวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 0.88 บาท แต่สุดท้ายกลับทิ้งตัวลงมาปิดที่ 0.74 บาท ลบไป 0.07 บาท หรือลงไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท..มันคืออะไร เดี๊ยนคิดไม่ออกจริง ๆ เจ้าค่ะ

*ประเด็นนี้เหมือนกับหุ้นพานทองแท้ PTT โดนรินขายตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายปิดไปที่ระดับ 47.50 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.81 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะแวลูของหุ้นสูงกว่านี้ค่อนข้างเยอะ บวกกับมีสตอรี่ใหม่ที่จะเพิ่มมูลค่าก็มีอยู่อีกเพียบ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า เที่ยวนี้เป็นการทุบเอาของมากกว่าเรื่องอื่นไงล่ะคะ

*ส่วนที่แหวกกระแสขึ้นมาแบบงง ๆ “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยังน้องมิ้นต์ MINT เป็นลำดับถัดไปในทันที เพราะเมื่อมองดูจากภาระหนี้สินท่วมหัว สภาพคล่องทางการเงินที่ยังติด ๆ ขัด ๆ ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นมุดหัวลงต่อไปอีก แต่เอาเข้าจริงกลับเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 34.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 820 ล้านบาท มันสวนทางกับความเป็นจริงเยอะเลยนะเนี่ย!

*เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่ ๆ เยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้นเล็กพริกขี้หนูอย่างเช่น TITLE เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นความคาดหวังที่ผู้เล่นมีต่อหุ้นตัวนี้สักหน่อย เพราะการที่หุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 6.90 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E 65 เท่า มันหมายความว่า ตลาดหุ้นให้แวลูหุ้นตัวนี้ค่อนข้างเยอะ จึงต้องจับตาดูตัวเลขกำไรไตรมาส 2 ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นตัวชี้ชะตา หุ้นสมควร “ไปต่อ” หรือ “หมดรอบ” นะจะบอกให้

 

Back to top button