กลุ่ม ปตท. กำไรยังแกร่ง!

หุ้นกลุ่ม ปตท. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC และ GPSC มีการประกาศงบฯ ไตรมาส 2/2561 และงวด 6 เดือนออกมาครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย


รายงานพิเศษ

หุ้นกลุ่ม ปตท. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC และ GPSC มีการประกาศงบฯ ไตรมาส 2/2561 และงวด 6 เดือนออกมาครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย

ปรากฏว่า  6 บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 รวมกัน 54,342.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.08% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 50,747.96 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิงวด 6 เดือน รวมกัน 129,241.16 ล้านบาท ลดลง 2.51% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 132,571.64 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 30,028.53 ล้านบาท หรือ 1.05 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 31,316.85 ล้านบาท ขณะที่งวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 69,816.79 ล้านบาท หรือ 2.43 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 77,484.74 ล้านบาท หรือ 2.68 บาทต่อหุ้น

สาเหตุหลักจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการรับรู้ค่าใช้จ่ายทางภาษีของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นของเงินกู้สกุลต่างประเทศของ ปตท.และบริษัทในกลุ่ม

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 3,590.28 ล้านบาท หรือ 0.83 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 7,535.56 ล้านบาท หรือ 1.48 บาทต่อหุ้น ขณะที่กำไรสุทธิงวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 16,970.99 ล้านบาท หรือ 2.48 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 19,819.76 ล้านบาท หรือ 4.68 บาทต่อหุ้น

สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 2/2561 อ่อนค่าลง 1.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/2560 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 10,827.66 ล้านบาท หรือ 2.25 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,603.14 ล้านบาท หรือ 1.67 บาทต่อหุ้น ขณะที่กำไรสุทธิงวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 23,275.46 ล้านบาท หรือ 5.15 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 19,784.90 ล้านบาท หรือ 4.44 บาทต่อหุ้น

สาเหตุได้รับรู้ค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,388 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 4,794.75 ล้านบาท หรือ 2.35 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,249.54 ล้านบาทต่อหุ้น หรือ 1.59 บาทต่อหุ้น ขณะที่กำไรสุทธิงวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 10,402.64 ล้านบาท หรือ 5.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 10,324.04 ล้านบาท หรือ 5.06 บาทต่อหุ้น

เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นมากตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 4,049.58 ล้านบาท หรือ 0.20 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,228.12 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น ขณะที่งวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 6,801.50 ล้านบาท หรือ 0.33 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,593.58 ล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น

เป็นผลจากบริษัทมีปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ในช่วงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของหน่วยผลิต ADU II เพื่อเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ  บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น  เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 1,051.59 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 814.75 ล้านบาท หรือ 0.54 บาทต่อหุ้น ขณะที่งวดหกเดือนมีกำไรสุทธิ 1,973.78 ล้านบาท หรือ 1.32 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,564.62 ล้านบาท หรือ 1.04 บาทต่อหุ้น

เป็นผลจากรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment : EP) ของโรงไฟฟ้าศรีราชาปรับตัวสูงขึ้นตามการเรียกรับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปโภคการระยองมีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากโรงไฟฟ้า IRPC-CP มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มทั้ง 2 ระยะตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560

สรุปว่า ภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มบริษัท ปตท. ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง!!

Back to top button