สังคมข่าวหุ้น

*เมื่อวานนี้ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 39,435 ล้านบาท เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุน ส่วนดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ และน่าจะเป็นไปแบบนี้อีกสักระยะ เพราะสัปดาห์หน้าและต้นเดือน ก.ย.นี้จะมีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผลหลายบริษัท คงจะกดดันภาวะตลาดโดยรวมบ้าง


คาเฟอีน

*เมื่อวานนี้ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 39,435 ล้านบาท เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุน ส่วนดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ และน่าจะเป็นไปแบบนี้อีกสักระยะ เพราะสัปดาห์หน้าและต้นเดือน ก.ย.นี้จะมีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผลหลายบริษัท คงจะกดดันภาวะตลาดโดยรวมบ้าง

*หุ้น CPALL แม้โบรกฯ จะปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายลงมาแล้ว และราคาใหม่ที่ดีดลูกคิดกันออกมา จะยังคงสูงกว่าปัจจุบัน แต่ทำไมราคาหุ้นจึงยังไม่ดีดกลับ และล่าสุดร่วงไปต่ำกว่า 70.00 บาทอีกครั้ง ก็บอกไปแล้วว่าสัญญาณทางเทคนิคยังเป็นไซด์เวย์ดาวน์ แต่ก็ไม่น่าจะปรับลงไปมากกว่ามากนัก ในระยะสั้น ราคาน่าจะแกว่งตัวอยู่ที่ 70.00 บาท บวกลบเล็กน้อย เล่นรอบกันไป รอข่าวใหม่ ๆ ปัจจัยบวกแจ่ม ๆ เข้ามาสนับสนุน ก็น่าจะฟื้นตัวได้ แนวรับสำคัญ 69.00 บาท

*หุ้น PTG เมื่อวานนี้เหมือนจะกลับมาเป็นบวกได้ แต่พอเปิดตลาดภาคบ่าย ราคาดิ่งลงอย่างหนักและมาปิดตลาด 11.10 บาท วูบ 0.70 บาท หรือ 5.93% และดูท่าทีของราคาแล้วมีโอกาสร่วงได้อีก เพราะสิ่งที่ลงทุนไป ยังไม่เห็นกำไรกลับคืนมาเป็นกอบเป็นกำ และก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมามากแค่ไหน เพราะมาร์จิ้นจากขายปลีกน้ำมันก็ต่ำ ธุรกิจนอน-ออยล์ก็ยังไปอย่างอืด ๆ ไม่เห็นเป็นรูปร่างมากนัก แม้นักวิเคราะห์จะเชียร์ ซื้อ ๆ ๆ ๆ แต่นักลงทุนเดี๋ยวนี้เก่ง ข้อมูลแน่น ดูสัญญาณของราคาแล้ว น่าจะหลุดหรือต่ำกว่า 10.00 บาทแน่นอน หรือไม่ก็รอให้พี/อี เหลือสักสิบกว่าเท่า จากปัจจุบัน 20 เท่า*

*KTC  ของคุณหมอระเฑียร ราคายังกลับขึ้นไปยืนเหนือ 30.00 บาทไม่ได้ แม้ล่าสุดโบรกฯ จะจับมือปรับราคาเป้าหมายขึ้นไป เพราะยังต้องเผชิญกับสินค้า DW รุ่นที่จะหมดอายุในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ มีแรงขายออกมา ทำให้ราคายังผันผวนอยู่แถว ๆ 30 บาทนี่แหละ ส่วนแผนการรุกนาโนฯ และพิโกไฟแนนซ์  ต่างเชื่อกันว่า KTC จะบริหารหนี้ไม่ให้เป็นเอ็นพีแอลได้ และหากคุมได้ตามแผนงาน ประกอบกับรายได้ดอกเบี้ยที่เก็บได้ถึง 36% ต้องไปซื้อตุ่มมาเพิ่มเพื่อเตรียมเก็บเงินไว้เลย

*เอสจีเอฟ แคปปิตอล หรือ SGF มาทั้งราคาและวอลุ่ม ปิดบวก 6.92% ส่วนวันนี้ต้องมาดูว่า จะเล่นกันต่อหรือเปล่า หลังจากก่อนหน้านี้ หุ้นไม่มีค่อยสภาพคล่องมากนัก ก็เข้าใจว่าระบุข่าวเกี่ยวกับการล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยง และช่วงไตรมาส 1-2 เองก็มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ และแนวโน้มไตรมาส  3-4 ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกส่วน บล.ยูโอบีฯ มองว่า ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดและมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น ราคาปัจจุบันคิดเป็นเพียง PER ที่ 7.27 เท่า ซึ่งประเมินเป็นโอกาสซื้อที่น่าสนใจและคาดหุ้นมีโอกาส re-rate ขึ้นที่ PER 10-14 เท่า คิดเป็นราคาเหมาะสม 2.20-3.00 บาท ล่าสุดราคาปิด 1.39 บาท อัพไซด์เพียบเลย

*มีแก้ไขข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับข่าวที่ “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่าจะคุมยอดเทรดของ “โรบอท” ไม่ให้เกิน 20% ของมูลค่าซื้อขายรวมนั้น มีความคลาดเคลื่อนในเรื่องตัวเลข ส่วนนโยบายของ ตลท.จะเป็นอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับโรบอทเทรด จะต้องติดตามกันอีกครั้ง

*โดนสำนักงานก.ล.ต. สอยร่วงไปอีก 2 คน ศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ และนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 25.86 ล้านบาท  แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ศุภนันท์ ที่เป็นบอร์ดของ IFEC อยู่ด้วยนั้น ต้องหลุดจากกรรมการทันที ทำให้ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 2 คน ก็ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง จะแก้เกมอย่างไร…จะว่าไปแล้วเรื่องของ IFEC ไม่มีอะไรยากเลย เพราะสิ่งที่เขายอมรับกันทั่วโลกคือ บุคคลใดหรือกลุ่มไหนถือหุ้นใหญ่ ก็ต้องมีสิทธิ์ในการบริหารงานบริษัทนั้น ๆ เด็ก ๆ ป.4 เขาก็คิดกันได้

*โอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) คาดว่าในปี 62 อาจมีผลกำไรได้ หลังเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีนี้ เนื่องจากปีหน้าเชื่อว่าผลกระทบจากสัญญาประกันภัยต่อช่วงระยะยาวกับบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ 9 โครงการที่ทำให้เกิดการขาดทุนจะปรับลดลง

Back to top button