พาราสาวะถี

คนส่วนใหญ่คงมีคำถามและแสดงความไม่เชื่อไปในตัวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “เบื่อเต็มทีกับการใช้อำนาจคสช.และม.44” สิ่งที่ท่านผู้นำพูดหลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคาร หากไม่เป็นความจริง ก็หมายความว่า เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความต้องการจะเปลี่ยนผ่านอำนาจจากเผด็จการไปเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย


อรชุน

คนส่วนใหญ่คงมีคำถามและแสดงความไม่เชื่อไปในตัวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “เบื่อเต็มทีกับการใช้อำนาจคสช.และม.44” สิ่งที่ท่านผู้นำพูดหลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคาร หากไม่เป็นความจริง ก็หมายความว่า เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความต้องการจะเปลี่ยนผ่านอำนาจจากเผด็จการไปเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ภายใต้เงื่อนไขและกติกาที่องคาพยพซึ่งตัวเองแต่งตั้งขึ้นกำหนดไว้ให้ทุกประการ คาดว่าภายในวันนี้คงจะมีการตอบรับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เพราะวันรุ่งขึ้นถือเป็นวันสุดท้ายที่จะต้องยื่นต่อกกต. จึงต้องให้เวลากับพรรคในการเตรียมพร้อมเรื่องของเอกสาร ตรวจสอบตรวจทานความถูกต้องกับกกต. จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังกับการเลือกยื่นในวันสุดท้าย ซึ่งความจริงก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ก้าวต่อไปไม่ใช่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายหรือการใช้อำนาจใด ๆ ของผู้นำเผด็จการ หากแต่เป็นเรื่องของมารยาททางการเมืองล้วน ๆ มารยาทดังว่าก็ได้แก่ การจัดรายการคืนวันศุกร์ การลงพื้นที่พบปะประชาชนและการประชุมครม.สัญจร เพราะการันตีมาโดยกกต.แล้วว่า ทั้ง 3 ประการพลเอกประยุทธ์สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย

ยิ่งท่านผู้นำอ้างมาตลอดเวลาในการครองอำนาจทุกอย่างต้องว่ากันตามกฎหมาย ดังนั้น องค์กรอิสระที่ดูแลการเลือกตั้งยืนยันความถูกต้องถึงขนาดนี้ หากไม่มีมารยาทหรือพูดง่าย ๆ ว่า ข้าไม่สนใจใครทั้งนั้น เมื่อทำแล้วไม่ผิดกฎหมายแต่ได้คะแนนเสียงและเพิ่มความนิยมให้กับพรรคที่เสนอชื่อตัวเองเป็นนายกฯ ก็หลับหูหลับตาทำไป ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง

ยิ่งหากอ้างว่าทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่การคำนึงหรือไม่คำนึงถึงมารยาททางการเมืองของผู้นำเผด็จการ แต่มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ทุกอย่างก็จบ ใครหน้าไหนก็ไม่ต้องมาพูดถึงการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เพราะคณะเผด็จการมองเห็นแล้วว่าทุกอย่างที่ได้ดำเนินการมาตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีนั้น สร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคนอยู่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจนหมดประเทศ คนรวยก็มีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะมากล่าวหาว่าสร้างความได้เปรียบได้อย่างไร คงต้องปล่อยกันไปตามนั้น แล้วให้วันที่ 24 มีนาคมเป็นตัวตัดสินว่า เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนคิดและรู้สึกอย่างไรในทางการเมือง และคงไม่ต้องพูดถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. ไม่ต้องห่วงว่าจะวางตัวเป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมหรือไม่

แค่ฟังฝ่ายปฏิบัติอย่าง พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กับ ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาฯกกต. ให้สัมภาษณ์ก็เห็นกระบวนการทำงานที่ไม่ปรึกษาหารือกันหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เพราะกรณีของผู้สมัครส.ส.ไปเปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ฝ่ายเลขาฯบอกว่าให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่ แต่รองเลขาฯย้ำชัดไม่ผิดกฎหมายเป็นแค่สีสันและไม่น่าจะเพิ่มคะแนนให้กับผู้สมัครแต่อย่างใด

เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังมีมุมมองที่ต่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น รองเลขาฯรายนี้ยังย้ำกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า กกต.จะไม่พิจารณาประเด็นที่มาจากสื่อ เพราะข่าวก็คือข่าว ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง แต่ความจริงก็คือประเด็นที่เลขาฯกกต.สั่งให้ตรวจสอบนั้นก็ล้วนมาจากสื่อโดยที่ไม่มีใครร้องเรียนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีเปลี่ยนชื่อหรือแม้แต่เรื่อง ทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ

กรณีหลังชัดเจนว่าเป็นการต่อยอดจากข่าวหลังการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เสียด้วยซ้ำ จนถูกมองว่ารับใบสั่ง และกระบวนการตรวจสอบก็มีการบุกไปถึงที่ทั้งสื่อที่นำเสนอข่าวและพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหา เรียกว่าทำกันอย่างรวดเร็วทันใจ เก็บข้อมูลแน่นปึ้ก ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานอย่างที่รองเลขาฯกกต.ว่า ข่าวก็คือข่าวแต่อย่างใด

บทบาทขององค์กรอิสระแห่งนี้ จำเป็นต้องพูดถึงกันบ่อย ความจริงที่ปรากฏรับรู้กันทั้งประเทศและรวมไปถึงต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ กระบวนการทำงานหลายเรื่องต้องเงี่ยหูฟังเผด็จการคสช. ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายอยู่ในมือ แต่ก็อ้างสารพัด อย่างที่รู้กันด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ผู้นำเผด็จการอ้างว่าเบื่อเต็มทีนั้น มันสามารถสั่งปลดกกต.คนไหนก็ได้ มีตัวอย่างมาให้เห็นแล้วในรายของ สมชัย ศรีสุทธิยากร

เล่นเอาผู้สมัครส.ส.ต่างจังหวัดสะดุ้งกันเป็นแถวหลังจากเกิดข่าว ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่มีชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย เพราะเกรงว่าจะขึ้นรูปคู่กันไม่ได้ ทั้งที่ความจริงคือถ้าเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้วสามารถขึ้นรูปคู่กันได้ ออกอาการกันอย่างนั้นเพราะกลัวจะเสียของทำไว้รอแล้วไม่ได้ใช้เสียหายไม่ว่า แต่ทุกบาททุกสตางค์จะถูกคิดเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครและพรรคการเมืองทั้งสิ้น

คงชัดเจนกันแล้วจากคำยืนยันของชัชชาติ เหตุผลที่ไม่มีชื่อในปาร์ตี้ลิสต์ เพราะไม่ถนัดงานทางการเมืองในสภาฯ แต่เป้าหมายรองอย่างที่บอกไปวันวานถ้าพรรคนายใหญ่ไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวจะไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสนามเลือกตั้งพ่อเมืองคนกรุงฯเป็นพื้นที่การเมืองที่ทุกพรรคหวังจะได้เก้าอี้ ไม่เว้นแม้แต่เผด็จการสืบทอดอำนาจ

คงอึดอัดกันอย่างบอกไม่ถูก จึงเกิดข่าวมาว่าทันทีทันใดที่บิ๊กตู่ตอบรับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯ ผู้สมัครของพลังประชารัฐจะขึ้นป้ายเป็นรูปคู่ผู้นำเผด็จการทันที ร้อนถึงกกต.ต้องรีบแตะเบรกทันควัน ใจเย็นกันไว้ไอ้ทิด รอให้พรรคยื่นบัญชีรายชื่อต่อกกต.และผ่านกระบวนการตรวจสอบรับรองเสียก่อน แหม ! คงต้องแสดงท่าทีเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกมองว่า ทำไมบางพรรคบางคนถึงตรวจสอบถี่ยิบ แต่กับบางคนบางพรรค เพิ่งยื่นแล้วขึ้นป้ายได้ทันที ก็ยังดีที่ยังมีสำนึกกันอยู่บ้าง

เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งเอากระดูกมาแขวนคอกรณี ฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักเตะทีมชาติบาห์เรนที่ถูกจับกุมในไทยในขณะที่เจ้าตัวมีสถานะผู้ลี้ภัยและมีถิ่นพำนักที่ออสเตรเลีย งานนี้ไม่ธรรมดาแน่ แต่ทางสถานทูตออสซี่แถลงการณ์บาห์เรนกำลังทำให้ไทยตกที่นั่งลำบาก งานนี้ละเอียดอ่อนยิ่งไทยแลนด์กำลังถูกบีบจากสารพัดองค์กรระหว่างประเทศถึงขั้นขู่บอยคอตต์ รอดูกันต่อว่าเรื่องนี้จะจบแบบวิน-วินอย่างที่กระทรวงการต่างประเทศไทยอยากให้เป็นได้หรือเปล่า

Back to top button