เก็ง 4 หุ้นเครื่องดื่มคาดงบ Q2/62 สดใส

หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มหลังจากผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา หลายตัวเริ่มดีขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำตาลที่ต่ำลง ประกอบกับเริ่มปรับตัวได้จากกรณีภาษีน้ำตาล


เส้นทางนักลงทุน

เจาะกันที่หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม! หลังจากผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา หลายตัวเริ่มดีขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำตาลที่ต่ำลง ประกอบกับเริ่มปรับตัวได้จากกรณีภาษีน้ำตาลแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทแต่ละแห่งได้แก้ปัญหาเฉพาะตัวได้ดี ทั้งในด้านของช่องทางจัดจำหน่าย การแข่งขัน และพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ  จึงทำให้ภาพรวมมีทิศทางการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง

โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเครื่องดื่มเพราะเป็นช่วงน่าร้อน ทำให้ตลาดเครื่องดื่มกลับมามียอดขายที่เพิ่มขึ้น และโตแทบทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ หวังว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มในช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 อาจออกมาสดใส

ดังที่มีการนำเสนอจากบทวิเคราะห์ที่มีการคาดการณ์กันว่า ทาง SAPPE, OSP, ICHI และ TACC จะสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน และช่วงไตรมาสก่อนหน้า

 

สำหรับ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE  มีการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 139 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20.90% จากไตรมาสก่อน  หากไม่รวมค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 4.7 ล้านบาท คาดมีกำไรปกติอยู่ที่ 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35.8% จากไตรมาสก่อน

แม้คาดรายได้ส่งออกจะแผ่วลงเล็กน้อย เพราะยังมีลูกค้าบางรายติดปัญหาจากความวุ่นวายในประเทศของลูกค้าเอง และบริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า แต่คาดได้รับการชดเชยทั้งหมดจากการรับรู้รายได้ผลิต BLUE เต็มไตรมาส และรับรู้รายได้จาก  All Coco จึงคาดรายได้รวมจะเติบโตราว 18.9%  จากไตรมาสก่อน และ 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 923 ล้านบาท

ประกอบกับคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะยังทรงตัวได้อยู่ที่ 37.3% ใกล้เคียงไตรมาส 1/2562 แต่เพิ่มขึ้นจาก 36.2% ในไตรมาส  2/2561 แม้ Product Mix จะเปลี่ยนไปเพราะมาร์จิ้นของ BLUE ต่ำกว่าสินค้าแบรนด์ของบริษัท และคาดต้นทุนมะพร้าวของ  All Coco สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ได้รับการชดเชยทั้งหมดด้วย Economies of Scale ที่สูงขึ้น จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 70% – 75% จาก 68% ในไตรมาส 1/2562 และมาจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ถูกลง จากการ Sourcing ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อย่าง Danone

ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน เพราะไม่มีการออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยรายได้ที่โตดี คาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะลดลงมาอยู่ที่ 18.3% จาก 21.2% ในไตรมาส 1/2562 และ 18.9% ในไตรมาส 2/2561 ด้วยภาพรวม Operation ของบริษัทที่ดูดีขึ้น สามารถหักล้างผลลบจากคาดธุรกิจ  All Coco จะพลิกเป็นขาดทุนเล็กน้อยในไตรมาสนี้ และจะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนกับ Danone เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการขาดทุนที่น้อย เพราะบริษัทถือหุ้นเพียง 25% จึงคาดกำไรปกติไตรมาส 2/2562 จะทำจุดสูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส

 

ส่วนของ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการประมาณการกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 716 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน, แต่ลดลง 18.4% จากไตรมาสก่อน) หนุนโดย

1) รายได้ขยายตัว 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลงเล็กน้อย 1% จากไตรมาสก่อน จากรายได้ในประเทศขยายตัว 10.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ขยายตัว 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดย OSP ยังมี Market share อยู่ที่ 53.8%  และรายได้ต่างประเทศลดลง 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งตัว

2) GPM ที่ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 35%  (ไตรมาส 2/2561 ที่ 31.3%, ในไตรมาส 1/2562 ที่  34.8%) จากต้นทุนค่าเศษแก้วและน้ำตาลที่ต่ำลง อีกทั้งได้รับประโยชน์จาก Fitness first อย่างต่อเนื่อง

3) SG&A to total sales ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 24.4% (ไตรมาส 2/2561 ที่ 20.7%, ในไตรมาส 1/2562 ที่ 20.8%)  จากค่าใช้จ่ายจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 ผลิตภัณฑ์ (Babi Mild Sweet Almond จำหน่ายใน Modern trade , Shark กระป๋อง จำหน่ายใน 7-Eleven, Plantstory, Organik by Babi Mild) และค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองพนักงานจาก 300 วัน เป็น 400 วัน อยู่ที่ 98.2 ล้านบาท (ซึ่งส่วนใหญ่บันทึกใน SG&A)

 

ขณะที่ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI มีการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2562 จะอยู่ที่ 119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อน และพลิกจากที่ขาดทุน 30 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2561

สิ่งที่ดีคือ คาดรายได้ในประเทศไตรมาส 2 ปี 2562 กลับมาเติบโตราว 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้อีกครั้ง หลังจากที่แผ่วลงต่อเนื่องตามการหดตัวของตลาดชาเขียว 5 ปีติดต่อกัน โดยนอกจากฟื้นตัวตามตลาดชาเขียวที่กลับมาโตแล้ว ยังมาจากการเน้นสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอชาพรีเมียม (ชิซึโอกะ) เพื่อเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และโดนภาษีน้ำตาลจำกัด

กอปรกับมีการทำแคมเปญร่วมกับ Garena Free Fire (เกมส์ที่ได้รับความนิยมมียอดดาวน์โหลดสูงสุดของไทยในปี 2561) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี และคาดรายได้ส่งออกยังโตต่อเนื่องราว 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจาก CLMV เป็นหลัก ล่าสุดได้เริ่มส่งออกน้ำมะพร้าวภายใต้แบรนด์ Ichitan WANG ไปจีน โดยช่วงแรกเน้นทำผ่านตลาดออนไลน์เป็นหลักร่วมกับ JD.com แต่เรายังไม่ให้น้ำหนักกับตลาดจีน เพราะทำยากและต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยบริษัทเน้นออนไลน์ และไม่เน้นทำการตลาด ต้นทุนการเข้าตลาดจีนจึงไม่มาก จึงคาดรายได้รวมไตรมาสนี้จะเติบโตได้ราว 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โตมากสุดครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส

 

สุดท้าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC มีการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 38 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 80.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2562 โดยมาจาก 1) เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ เพราะอากาศร้อน และปีนี้ร้อนมากกว่าปกติ

2) รับรู้รายได้จากโถกด Hershey’s เต็มไตรมาส เทียบกับปีก่อนที่ยังไม่มี 3) รับรู้รายได้จากเครื่องดื่ม 2 รสชาติใหม่ใน All Cafe คือ เมล่อนลาเต้ และชานมบุก โดยเฉพาะชานมบุกที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก 4) รายได้จาก Character Business  ที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง และ 5) เริ่มส่งออกไปขายในกัมพูชาอีกครั้งตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จึงคาดรายได้รวมจะเติบโตได้น่าตื่นเต้นราว 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 406 ล้านบาท

และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับสู่ระดับที่เคยทำได้ (30% ขึ้นไป) ราว 30.5% เพิ่มขึ้นจาก 29.6% ในไตรมาส 1 ปี 2562 และ 29.4% ในไตรมาส 2 ปี 2561 ในขณะที่คาดจะรับรู้ขาดทุนและค่าใช้จ่ายจากบริษัทร่วมสยามเกตเวย์ (มาจากการหยุดธุรกิจและขายหุ้นคืนให้กับ NPPG) ราว 4 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการรับรู้ขาดทุนเป็นไตรมาสสุดท้าย แต่ด้วย Operation หลักที่โตได้น่าประทับใจ จึงคาดกำไรในไตรมาสนี้จะเป็นจุดสูงสุดใหม่

สำหรับผลกำไรสุทธิโตเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าของนักวิเคราะห์ โดย OSP, ICHI แนะนำซื้ออ่อนตัว สำหรับ SAPPE และ TACC กำไรโตดีและยังไม่แพง แนะนำซื้อทั้ง 2 บริษัท

ดังนั้นหุ้นดังกล่าวเพื่อเป็นตัวเลือกในการเข้าเก็งกำไรก่อนผลประกอบการไตรมาส 2 จะประกาศออกมาจริง แต่หากผลประกอบการไม่ได้ตื่นเต้น ก็ต้องระวังแรงเทขายทำกำไร!!!

Back to top button