3 หุ้นเด่น! กำไรดี – P/E ต่ำ – ปันผลสูง

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่าในช่วงสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัว เหตุจากแรงเทขายทำกำไรในหุ้นที่ได้อานิสงส์จากโควิด-19 และราคาขึ้นมาแรงจน P/E อยู่ในโซนแพงมาก


เส้นทางนักลงทุน

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่าในช่วงสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัว เหตุจากแรงเทขายทำกำไรในหุ้นที่ได้อานิสงส์จากโควิด-19 และราคาขึ้นมาแรงจน P/E อยู่ในโซนแพงมาก

ตามด้วยกังวลว่าธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ จะทยอยลดมาตรการกระตุ้น หรือผ่อนคลายเมื่อใช้วัคซีนโควิดกันแพร่หลาย และเศรษฐกิจฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเฟดก็เริ่มบ้างแล้ว เช่น การไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายด้านเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐ เป็นต้น

รวมถึงการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนี SET50, SET100, SETHD และอื่น ๆ โดยนำเอา Free floating เข้ามาคำนวณด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็น และคาดว่าจะเริ่มใช้เฟส 1 สำหรับ SET50, SET100 และ SETHD มีผลครึ่งหนึ่งในเดือน ก.ค. 2564 และเฟส 1 มีผลทั้งหมดเดือน ม.ค. 2565 ส่วนเฟส 2 สำหรับดัชนีที่เหลืออื่น ๆ ทั้งหมดจะใช้ในปี 2565-2566

ในเบื้องต้นหุ้น Big Cap ที่จะถูกเพิ่มหรือลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับปัจจุบัน เช่น หุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก ได้แก่ SCB, KBANK, SCC, BDMS, CPALL, INTUCH, CPN, PTT, TISCO เป็นต้น ส่วนหุ้นที่เสี่ยงถูกลดน้ำหนัก ได้แก่ AOT, DELTA, OR, GULF, PTTEP, ADVANC, GPSC, AWC, SCGP, BJC เป็นต้น

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้จึงเลือกกลยุทธ์แบบ Paly save คือ เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2564 ที่แข็งแกร่ง มี Valuation ไม่แพง หรือค่า P/E ต่ำ และมีการจ่ายปันผลสูง

สำหรับหุ้นแนะนำของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ได้แก่ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC, บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT, บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI

รายละเอียดมีการประเมินดังต่อไปนี้ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC มีการคาดกำไรในไตรมาส 1 ปี 2564 เติบโตแกร่งทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน จากรายได้ของ (OEM) เนื่องจากทางโรงงานมีการรับผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งจากลูกค้าสั่งเพิ่มและปัจจัยฤดูกาล มีสินค้าที่เลื่อนส่งมอบจากในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ที่ผ่านมา มาส่งในไตรมาส 1 ปี 2564 ราว 200 ล้านบาท

ขณะที่ ทั้งปี 2564 คาดกำไรหลักโตเพิ่มขึ้น 24%, ส่วนทางค่า P/E อยู่ที่ 9.2 เท่า, และคาดอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ราว 7% (สำหรับงวดครึ่งหลังของปี 2563 ที่ผ่านมาประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท มี Dividend Yield ราว 3% ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD ไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2564 มีการจ่ายปันผลวันที่ 27 เม.ย. 2564)

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 15 บาท

ส่วนผลการดำเนินงานงบปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 8,960.52 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,625.58 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มงาน OEM มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศและตู้เก็บเครื่องมือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่กลับทำกำไรสุทธิได้เพียง 407.67 ล้านบาท หรือ 1.42 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 722.11 ล้านบาท หรือ 2.51 บาทต่อหุ้น เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นมา

บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT มีการคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2564 โดยโตจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และโตแกร่งจากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ประเมินปี 2564 คาดกำไรสุทธิโตเพิ่มขึ้น 33% และมีคำสั่งซื้อถึงปี 2566 แล้ว ส่วนค่า P/E ปี 2564 ต่ำเพียง 6.2 เท่า และคาดอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ราว 8% (สำหรับครึ่งหลังของปี 2563 ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 2 บาท มี Dividend Yield ราว 4.9% ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 เม.ย. 2564 มีการจ่ายปันผลวันที่ 28 เม.ย. 2564)

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 55 บาท

ส่วนผลการดำเนินงานงบปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30,405.12 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 11,994.15 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14,400.87 ล้านบาท หรือ 5.94 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 0.42 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากยอดขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น

บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI มีการคาดว่ากำไรสุทธิปี 2564 คาดกำไรโตเพิ่มขึ้น 39% เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog ราว 4.2 พันล้านบาท ส่วนค่า P/E ปี 2564 ต่ำที่ 10.60 เท่า และคาดอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ราว 6.50% (สำหรับปี 2563 จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท มี Dividend Yield ราว 4.8% ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พ.ค. 2564 โดยจ่ายปันผลวันที่ 28 พ.ค. 2564)

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 11.65 บาท

ส่วนผลการดำเนินงานงบปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,576.16 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 727.28 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 149.22 ล้านบาท หรือ 0.56 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.50 ล้านบาท หรือ 0.32 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น จากการรวมรายได้จากการให้บริการของ AEC ที่ได้ถูกนำมารวมในปี 2563 และปริมาณงานให้บริการที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หุ้น SNC, STGT, STI นักวิเคราะห์มองเป็นหุ้น Top Picks ของสัปดาห์นี้ เนื่องจากประเมินกำไรดี-พี/อีต่ำ-ปันผลสูง

Back to top button