window dressingโมนิก้าและทีมงาน

*คำอธิบายเกี่ยวกับการแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีที่ดีสุดในยามนี้ คงไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้ดีเท่ากับอาการ “กล้าๆ กลัวๆ” เพราะแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในการลงทุนที่ยังมีอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ จึงเลือกยุทธวิธีขายเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้น แล้วรอช้อนซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้เป็นประจำในช่วงที่ตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นพะยะค่ะ


*คำอธิบายเกี่ยวกับการแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีที่ดีสุดในยามนี้ คงไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้ดีเท่ากับอาการ “กล้าๆ กลัวๆ” เพราะแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในการลงทุนที่ยังมีอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ จึงเลือกยุทธวิธีขายเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้น แล้วรอช้อนซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้เป็นประจำในช่วงที่ตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นพะยะค่ะ

*วันนี้ถึงไม่ต้องบิ้วท์อารมณ์ให้คึกคักสุดขีด และไม่ต้องขุดเรื่องร้ายมาเล่าให้ฟังซ้ำสอง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรต้องน่าพิสมัยเหมือนเช่นที่ผ่านมา และไม่มีนัยสำคัญอะไรมากมายเหมือนเมื่อก่อน ผสานกับ ธปท. ออกมาหั่นตัวเลข GDP โตเหลือแค่ 2.70% จากเดิมให้ไว้ที่ระดับ 3.70% “โมนิก้า” ถึงประเมินไม่ออกว่า หุ้นไทยจะวิ่งยาวๆ ได้ย่างไรเจ้าค่ะ

*สิ่งที่เดี๊ยนทำได้ดีสุดในยามนี้คงมีแค่การเม้าท์มอยหุ้นรายตัวที่เล่นสั้นๆ กับหุ้นรายตัวที่เหมาะสำหรับการเล่นรอบ ส่วนหุ้นบางตัวที่ยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ก็คงถูกเทขายต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “โมนิก้า” ถึงมองประเด็นการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เป็นเพียงแค่การดันหุ้นชั่วคราว เพราะเมื่อเหลือบดูประเด็นที่พอจะมีน้ำหนักทำให้หุ้นขึ้นได้ก็มีเพียง window dressing เท่านั้นเองนะจ๊ะ

*ดังนั้นการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,376.83 จุด บวกไป 4.48 จุด ด้วยมูลค่า 3.15 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนในประเทศ ซึ่งครั้งนี้เป็นปอบผีฟ้าที่ทุ่มเงินซื้อไปทั้งสิ้น 1.70 พันล้านบาท ตามติดมาด้วยแมงเม่าเคาะซื้อไปทั้งสิ้น 730 ล้าน ก่อนจะตบท้ายด้วยกองทุนที่ควักกระเป๋าซื้อไป 500 ล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งหุ้นออกมาอีก 2.60 พันล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จถึงวันนี้ขายไปทั้งสิ้น 1.01 แสนล้านบาท..รู้ไหมตัวเอง?

*นั่นเป็นการตอกย้ำว่า การเด้งขึ้นของ PTT มาปิดที่ 250 บาท บวกไป 3 บาท ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์ในช่วงที่หุ้นกำลัง sideway down ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เห็นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา บวกกับหุ้นลงมาใกล้กับจุดเด้งกลับครั้งก่อนแถว 240 บาท “โมนิก้า” ถึงมองเหตุการณ์ในครั้งนี้มีหลายอย่างมาบรรจบกันพอดีก็เท่านั้นเอง

*เหมือนกับในรายของ BH ของมันรู้ๆ กันว่า กองทุนเป็นเจ้าภาพหลัก การขึ้นลงของหุ้นถึงผันผวนไปตามการเข้าซื้อของกองทุน ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 217 บาท บวกไป 5 บาท ด้วยมูลค่า 900 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตของการรีบาวด์ธรรมดาๆ หลังจากหุ้นรูดลง 5 วันติดต่อกัน  และถ้ามองไซเคิลของหุ้นเป็นแบบเทคนิคล้วนๆ ค้อนหัวกลับคือสัญญาณของการลงต่อนะจะบอกให้

*ส่วนรายที่ดูดีขึ้นมาหน่อย “โมนิก้า” คิดว่า ADVANC คือตัวเลือกที่ดีสุดในยามนี้ หลังไซเคิลของหุ้นเข้าสู่รูปแบบ V-Shape อย่างสมบูรณ์แบบ และการที่หุ้นปิดที่ระดับ 230 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท ก็เป็นก้นตัววีพอดิบพอดีเสียด้วย ซึ่งกรอบการทำกำไรมีให้ลุ้นถึง 2 ที่ด้วยกัน ซึ่งจุดแรกอยู่ที่ 240 บาท และหากทะลุขึ้นไปได้จะไปจบตรงที่ 250 บาทนะคะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีความหวังในการเล่นรอบ “โมนิก้า” ก็เหลือบไปเห็น BLAND ขึ้นมาในทันที เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานที่เหมาะต่อการลงทุนจริงๆ ไม่ว่าจะมองในมุมของค่า P/E ที่ 7.60 เท่า หรือมุมของ BV ที่ 2.46 บาท  เดี๊ยนมองอย่างไร ก็เห็นราคาปิดที่ 1.52 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 4% ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อได้สบายๆ แต่เผอิญมีแมงลือเม้าท์ให้ฟังว่า สาเหตุที่หุ้นตัวนี้ขึ้นไปได้ไม่ไกล เกิดจาก MM ชอบดักเทขายหุ้นเมื่อผงกหัวขึ้นเป็นประจำ รอบของหุ้นถึงเป็นได้แค่ขึ้น 2 วันเลิก วันนี้ถึงมีลุ้นเล่นต่ออีกวันไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ MAX กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงอีกครั้ง ประเด็นไม่มีอะไรมากมาย แค่อยากให้รู้ว่า ในช่วงที่มีการเปลี่ยนถ่ายมือไปสู่คนใหม่ มันมีเรื่องราวที่ทำให้หลายคนไม่ไว้ใจ และก่อนหน้านี้ก็ทำให้นักเล่นติดหุ้นเป็นจำนวนมาก จึงไม่แน่ใจว่า การขึ้นมาปิดที่ 0.30 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 11% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท เป็นการกลับทิศอย่างบูรณาการ หุ้นตัวนี้ถึงเหมาะเฉพาะพวกขาลุยนะซี

*สำหรับคนที่ชอบเล่นรอบ ซึ่งอาศัยภาวะการลงทุนเป็นตัวเร่ง  “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่ ITD เป็นประเด็นหลัก เพราะก่อนหน้านี้เคยเม้าท์ให้ฟังแล้วว่า ครั้งก่อนขึ้นมาแตะ 8.50 บาทแล้วลงมาตั้งหลัก 7 บาท เพียงแต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 8.00-8.50 บาท จึงเป็นจังหวะของการตามกระแสล้วนๆ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 8.45 บาท บวกไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 670 ล้านบาท มันมีโอกาสวิ่งทะลุกรอบดังกล่าว เพื่อไปทดสอบวงรอบใหญ่ที่ 9 บาทนะคะ

*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับกรณีของ EA ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขาประจำเข้ามาเล่นเป็นระยะ ก่อนหน้านี้เคยขึ้นมาแตะแถวๆ 22 บาท ต่อจากนั้นอ่อนตัวลงไปที่ 19 บาท แต่หลังจากนั้นก็วิ่งกลับขึ้นมาที่บริเวณดังกล่าวอีกครั้ง ขณะที่ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 21.90 บาท บวกไป 0.40 บาท ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท บอกได้ทันทีว่า รอบนี้ต่างจากรอบก่อนอย่างสิ้นเชิง และมีลุ้นขึ้นไปถึง 24 บาทนะจ๊ะ

 

Back to top button