พาราสาวะถี

ถามว่าเป็นเรื่องน่าดีใจหรือไม่ที่ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส โดยของจะได้รับในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งถ้ายึดเอาสิ่งที่พูดอธิบายกันต่อกรณีของสัญญาการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซเนกาที่อ้างกันมาโดยตลอด ก็ต้องเข้าใจว่าของที่จะได้รับไม่ใช่จะได้วันที่ 1 ตุลาคมมันหมายถึงตั้งแต่ 1 ตุลาคมถึงสิ้นปีนี้เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตจะจัดส่งให้ประเทศไทยวันไหน


ถามว่าเป็นเรื่องน่าดีใจหรือไม่ที่ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส โดยของจะได้รับในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งถ้ายึดเอาสิ่งที่พูดอธิบายกันต่อกรณีของสัญญาการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซเนกาที่อ้างกันมาโดยตลอด ก็ต้องเข้าใจว่าของที่จะได้รับไม่ใช่จะได้วันที่ 1 ตุลาคมมันหมายถึงตั้งแต่ 1 ตุลาคมถึงสิ้นปีนี้เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตจะจัดส่งให้ประเทศไทยวันไหน

หากเป็นเช่นนั้นก็ถามต่อว่ามันจะมีประโยชน์อะไรต่อการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติของโควิด-19 ที่พบผู้ป่วยหลักหมื่นคนต่อเนื่องมาหลายวัน การยกระดับมาตรการว่าด้วยล็อกดาวน์คือห้ามคนออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น มีเคอร์ฟิวในพื้นที่ 13 จังหวัด และเข้มงวดมากขึ้นกับการเดินทางข้ามจังหวัดแต่ไม่ได้ห้าม โดยที่ยังไม่ได้มีการปูพรมตรวจประชาชนในจำนวนที่มากพอหรือถ้าเป็นไปได้คือให้ครอบคลุมทุกคน กับโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมันก็ไม่น่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

วัคซีนไม่ใช่ปัญหาโลกแตก แต่เป็นเรื่องของความล้มเหลวในการบริหารจัดการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเลือกแทงม้าตัวเดียวอ้างเป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งหลายฝ่ายย้ำเตือนกันมาตั้งแต่ต้นไม่น่าจะเพียงพอต่อการรับมือ ซึ่งหากไม่ชะล่าใจและหลงใหลได้ปลื้มกับคำยกยอปอปั้นต่อการคุมการระบาดได้ดีในการระบาดระลอกแรก เตรียมการกันตั้งแต่พบการระบาดที่สมุทรสาคร สถานการณ์มันก็ไม่น่าจะหนักหน่วงเหมือนที่เป็นอยู่

บทเรียนจากครั้งนั้น เรื่องความหละหลวม ผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของฝ่ายที่เกี่ยวข้องจนเกิดการระบาดและต่อเนื่องมาในระลอกที่สาม ป่วยการที่จะเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากพวกอย่างหนาและมุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ แต่กรณีวัคซีนเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่กังขา ทำไมต้องม้าตัวเดียว ทำไมจึงไม่มีการเข้าร่วมโครงการโคแว็กซ์ และเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ตัดสินใจเช่นนั้น ตรงนี้ต่างหากที่คนถามหาผู้รับผิดชอบ

เห็นด้วยกับ อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องให้ศบค.เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการที่มีอำนาจตัดสินใจให้ไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแว็กซ์ อย่าทำลายหลักฐานต่าง ๆ ก่อนที่ผู้มีอำนาจจะลงจากอำนาจ นอกจากนี้ รัฐบาลต้องออกมายอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ต่อประชาชน หยุดถามหาความรับผิดชอบจากคนตัวเล็กตัวน้อย หยุดปัดความรับผิดชอบ หยุดปกป้องตัวเองและพรรคพวก รัฐบาลและองคาพยพทั้งหมดจงสำนึกผิดในสิ่งที่ทำไว้ เร่งแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยด่วน

ที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง และคนส่วนใหญ่คงสนับสนุนความคิดเห็นนี้ “คนเราไม่ฉลาดครั้งแรกเรียกว่าผิดพลาดได้ แต่ไม่ฉลาดสองถึงสามครั้งขึ้นไปเรียกว่าล้มเหลว ทุกคนในรัฐบาลควรต้องทบทวนความเป็นมนุษย์อีกครั้งว่า เหตุใดจึงทนดูความสูญเสียของประชาชนที่ร่วงดังใบไม้หล่นได้ หากคนที่สูญเสียเป็นญาติของพวกท่านจะรู้สึกอย่างไร” ยิ่งพูดถึงโอกาสการได้รับวัคซีนโดยคนส่วนใหญ่ยังขาด แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรีบฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกาครบสองเข็ม มันยิ่งสะท้อนภาพความเห็นแก่ตัวได้เป็นอย่างดี

มาตรการต่าง ๆ ที่ดำเนินการเวลานี้ถือเป็นการไล่ตามปัญหาที่ไม่ว่าจะมองในมิติใดต้องยอมรับว่าเหนื่อย หากเป็นการเมืองปกติ ป่านนี้ผู้นำรัฐบาลคงถูกเล่นงานจากองค์กรอิสระต่าง ๆ ไปแล้ว แต่วันนี้ไม่ใช่บรรดาองค์กรเหล่านั้นพร้อมใจกันทำตัวเป็นสากกะเบือ ก็ไม่ต้องแหกปากตีโพยตีพายหรือมาแก้ต่างแก้ตัวเวลาถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ เพราะการต่างตอบแทนจากบุญคุณที่ได้รับการแต่งตั้งมานั้นมันค้ำคออยู่ จึงไม่กล้าจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

การเมืองที่ว่าสามานย์ยังเลวร้ายน้อยกว่าการเมืองของขบวนการสืบทอดอำนาจ แต่บางครั้งก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้กับพวกนักการเมืองเห็นแก่ได้ทั้งหลาย หากหลังเลือกตั้งไม่หน้ามืดเห็นแก่ประโยชน์ที่กองอยู่ตรงหน้า คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองเป็นหลัก ปล่อยให้พรรคสืบทอดอำนาจและส.ว.ขี้ข้าเผด็จการเลือกผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ป่านนี้บ้านเมืองก็ไม่น่าจะตกอยู่ในภาวะเช่นนี้

แรงกดดันจากสังคมที่ถาโถมเริ่มเห็นได้เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ยอมปรากฏตัวตามสื่อ ไม่ยอมตอบคำถามจากสื่อหรือแม้แต่สังคม เพราะรู้ตัวดีว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวจึงถือตำรานิ่งเสียตำลึงทอง ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่รับผลกระทบไปเต็ม ๆ และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือภูมิใจไทย ก็ออกอาการอย่างเห็นได้ชัดจากการให้ ศุภชัย ใจสมุทร ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการจัดหาวัคซีนรวมไปถึงการบริหารจัดการโควิดในกทม.

การเลือกที่จะโยนความผิดและซัดตูมไปที่ พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.โดยปัดสวะให้พ้นจากพรรคภูมิใจไทย ก็เพราะฐานเสียงส่วนใหญ่ของภูมิใจไทยอยู่ในต่างจังหวัดไม่ใช่เมืองหลวง เมื่อปาระเบิดไปเช่นนี้ ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ ก็คือพรรคสืบทอดอำนาจจึงไม่แปลกที่ สิระ เจนจาคะ จะโต้กลับโดยทันที แต่งานนี้ไม่มีฝ่ายไหนที่ได้ประโยชน์ เนื่องจากคนทั้งประเทศต่างมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าถ้ามีการเลือกตั้งวันนี้ใครควรที่จะได้รับโอกาสและใครควรที่จะไสหัวไปให้พ้น ๆ

คำตอบของคำถามที่ว่าทำไมนักการเมืองถึงอยากเป็นรัฐบาล ภาพที่อธิบายชัดคือ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้อง (เรียน) คนดังกับภาพถ่ายคู่รถยี่ห้อหรู พร้อมอวดสรรพคุณอภินันทนาการจากผู้ใหญ่ใจดี การเปลี่ยนข้าง ย้ายค่ายเห็นผลในทันตา ไม่ว่าจะมีคำอธิบายต่อมาอย่างไร แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเพราะเหตุผล เพราะภาพก่อนหน้าของการแจกกล้วยเลี้ยงงูเห่า ล้วนแต่บอกเล่าความเป็นไปของสิ่งที่ปรากฎได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่มีกฎหมายคุ้มกะลาหัวอย่างเดียว แต่ต้องใจถึงพึ่งได้ด้วย

ยิ่งมีสองอย่างพร้อมยิ่งได้เปรียบกว่าใครเพื่อน อีกนั่นแหละ หากไม่ใช่ของจริง ไม่มีความสามารถ ใช่ว่าวางแผนอยู่ยาวกันแล้วจะได้ไปต่อกันชั่วลูกชั่วหลาน สถานการณ์ที่ในทางการเมืองถือได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอนั้น จะเป็นบทพิสูจน์ และในยุคสมัยที่สังคมเปลี่ยนแปลงไป คนรับรู้ได้ว่าใครคือมืออาชีพใครคือของก็อปเกรดต่ำ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำทุกอย่างได้อย่างที่คิด โควิดที่เผชิญถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ประชาชนค่อนประเทศมีคำตอบแล้วต่อการเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเมื่อไหร่เท่านั้น

Back to top button