พาราสาวะถี

ไม่เชื่อว่าจะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ เท่านั้นที่ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนกาเข็มที่ 3 เชื่อว่ายังมีอีกหลายโรงพักหรือเกือบทั้งจังหวัด และรวมไปถึงหัวคะแนน คนใกล้ชิด บริวารว่านเครือของผู้ยิ่งใหญ่แห่งจังหวัดนี้ น่าจะได้รับกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร ตามที่ ธงทอง จันทรางศุ บอกนั่นแหละ เรื่องนี้ชวนให้สงสัยอะไรต่อไปอีกเยอะ แต่ข้อสงสัยต่อกรณีนี้ค้นหาคำตอบได้ไม่ยาก


ไม่เชื่อว่าจะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ เท่านั้นที่ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนกาเข็มที่ 3 เชื่อว่ายังมีอีกหลายโรงพักหรือเกือบทั้งจังหวัด และรวมไปถึงหัวคะแนน คนใกล้ชิด บริวารว่านเครือของผู้ยิ่งใหญ่แห่งจังหวัดนี้ น่าจะได้รับกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร ตามที่ ธงทอง จันทรางศุ บอกนั่นแหละ เรื่องนี้ชวนให้สงสัยอะไรต่อไปอีกเยอะ แต่ข้อสงสัยต่อกรณีนี้ค้นหาคำตอบได้ไม่ยาก

ส่วนความรับผิดชอบหรือการจะไปเรียกร้องให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไล่บี้เอาผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนกับภาวะน้ำท่วมปาก หากพูดถึงความเห็นแก่ตัวก็ไม่ต่างกัน เพราะตัวท่านผู้นำเองก็รีบฉีดแอสตร้าฯ เข็มสองไปตั้งแต่วันที่มีการประกาศเลื่อนฉีดเข็มสองวัคซีนยี่ห้อนี้ให้ประชาชนทั่วไปแล้ว ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าทำไมคนเหล่านั้นในจังหวัดดังกล่าวถึงได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องอธิบายให้เกิดความกระจ่างก็คือ มีการจัดสรรวัคซีนที่ไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่

เค้นหาคำตอบจาก อนุทิน ชาญวีรกูล คนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนบุรีรัมย์ ก็บ่ายเบี่ยงเลี่ยงบาลีมาโดยตลอด การจัดสรรวัคซีนของกรมควบคุมโรคภายใต้การกำกับดูแลของตัวเองนั้น เป็นไปตามโควต้าที่ศบค.กำหนดมา ถ้าเช่นนั้นก็ต้องถามย้อนกลับไปว่า การจัดสรรวัคซีนเข็ม 3 ของศบค.ใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด เวลานี้มี 13 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม แล้วจังหวัดที่มีการฉีดเข็มสามไปแล้วนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จัดสรรไปให้ได้อย่างไร

ยิ่งบอกว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยง ต้องถามต่ออีกว่า แล้วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตำรวจในพื้นที่สีแดงเข้มไม่มีความเสี่ยงมากกว่าหรือ จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ในจำนวนตำรวจกว่า 2 แสนนายทั่วประเทศ มีเพียง 72% ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ขณะที่ตำรวจส่วนใหญ่กว่า 65% ที่ติดเชื้อโควิดเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ในส่วนกลาง หรือกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ใช่ตำรวจบุรีรัมย์แต่อย่างใด

ประเด็นเรื่องไร้วิสัยทัศน์ บริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาดล้มเหลวยังไม่มีคำตอบหรือการแสดงความรับผิดชอบใด ๆ จากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคนที่เกี่ยวข้อง ยังมีกรณีนี้เข้ามาอีก มันจึงสมควรที่จะต้องยืดอกยอมรับแมน ๆ แบบทหารได้แล้วหรือไม่ ทำไมจึงยังหน้าด้านแถกันไปได้เรื่อย ๆ เช่นนี้ กรณีของแอสตร้าเซเนกาเห็นได้ชัด การหลอกประชาชนว่าจะได้วัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดสตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปคือการพูดเองเออเองทั้งสิ้น

เพราะทางบริษัทผู้ผลิตออกมายืนยันชัดเจนแล้วว่า สามารถจัดหาวัคซีนมาให้ได้แค่เดือนละ 5-6 ล้านโดสเต็มที่ ด้วยการอ้างกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ซึ่งคงไปโทษบริษัทดังว่านี้ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริง สิ่งที่ผู้บริหารประเทศต้องรับผิดชอบคือ ทำไมต้องโกหกประชาชน ทำไมไม่เตรียมการจัดหาวัคซีนให้หลากหลายยี่ห้อ และเพียงพอต่อสถานการณ์วิกฤติ จะอ้างว่าเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา นั่นเป็นคำตอบจากปากของหมอขี้ข้าการเมือง ถ้าไปถามหมออาชีพจะได้คำตอบไปอีกแบบแน่นอน

คงไม่มีใครปฏิเสธ จนถึงนาทีนี้ถ้าลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 หรือเอาเฉพาะแค่การระบาดระลอกสองจากสมุทรสาครต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ นึกไม่ออกเลยว่าการรับมือโควิดของรัฐบาลมีเรื่องไหนสำเร็จบ้าง ทั้งการตรวจ รักษา วัคซีน เยียวยา มีปัญหาพันกันไปหมด หรือจะบอกว่าเละตุ้มเป๊ะเลยก็ว่าได้ รับปากกับประชาชนไม่เคยทำได้ ความโปร่งใสไม่มี ย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนไฟเซอร์บริจาค 1.5 ล้านโดสที่จะเข้ามา ถ้าเอากรณีตำรวจบุรีรัมย์เป็นตัวอย่างก็ทำให้ต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิด

เชื่อได้เลยว่าบุคลาการทางด้านแพทย์ด่านหน้าทั้งหลายคงใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ หวั่นเกรงกันว่าวัคซีนคุณภาพยี่ห้อนี้พวกตนจะได้รับหรือไม่ เพราะอาจจะหล่นหายไปอยู่บนแขนของวีไอพีและผู้ใกล้ชิดฝ่ายบริหารประเทศทั้งหลายจำนวนไม่น้อย เรื่องการดูแลกันหรือซื้อเสียงล่วงหน้าไม่มีใครว่า หากเป็นกรณีอื่น แต่เรื่องวัคซีนที่ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการรับมือวิกฤติการระบาดของโรคร้ายนั้น มันไม่ควรที่จะมีเส้นสายเข้ามาเกี่ยวข้อง

ภาพสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลมันปรากฏชัดอย่างต่อเนื่อง ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของคนที่ยึดอำนาจมาและอ้างว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น ยิ่งนานวันยิ่งทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำ ความห่าง ความต่างระหว่างชนชั้น บรรดาผู้ใกล้ชิดสอพลอขบวนการสืบทอดอำนาจอย่างเด่นชัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากเป็นผู้เสียสละจริงอย่างที่ชอบอ้าง ป่านนี้เราคงได้เห็นการแสดงความรับผิดชอบไปแล้ว ไม่ต้องมาอ้างว่าไม่มีใครดีพอจะเข้ามาบริหารประเทศ

ความเห็นจาก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำเสื้อแดง คงไม่ต่างจากที่คนส่วนใหญ่มอง นอกจากชีวิตคนสูญเสีย เศรษฐกิจพินาศ และหัวใจประชาชนที่แหลกสลายจากการรับรู้ชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติแล้ว ในแง่การบริหารจัดการและเผชิญวิกฤติถือว่าโควิด-19 ได้โค่นทำลายรัฐราชการรวมศูนย์ที่ฝ่ายอนุรักษนิยมรวมหัวกันใช้ทุกกลวิธีสร้างขึ้นตลอด 7 ปีจนย่อยยับราบคาบ เปลือกแห่งคนดี มือสะอาด รักชาติยิ่งชีพ เก่งสุดในรุ่นที่ห่อครอบผู้ถืออำนาจรัฐ ถูกเปิดออกจนเห็นความกลวง ลวง กะล่อน และการทำงานที่ขาดความชัดเจนโปร่งใส

ทั้งยังเห็นทะลุไปด้วยว่ากลไกราชการภายใต้ระบบนี้มีกองทัพอยู่บนสุด มีนายทหารมานั่งตำแหน่งสำคัญ แม้คณะแพทย์ส่วนหนึ่งจะมีบทบาทแต่ก็เป็นไปภายใต้โครงสร้างอำนาจที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรวบไว้ในมือ ระบบนี้ทำให้คนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลอยตัวจากอำนาจประชาชนและยังอยู่สร้างความเสียหายได้อีกนาน ล้มเหลวให้ราชการรับสภาพ ถูกขับไล่มีกองทัพรักษาอำนาจ เลือกตั้งก็มีรัฐธรรมนูญและส.ว.เป็นหลักประกัน

การที่พรรคร่วมรัฐบาลสำคัญยืนยันไม่ทอดทิ้งไม่ใช่เพราะรัก เพราะต้องการทำงานเพื่อประชาชน แต่เพราะเห็นชัดว่าอำนาจถูกล็อกไว้กับตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ นี่คือความเสียหายของระบบการเมืองที่บิดเบี้ยว ไม่ต้องหวังพึ่งนักการเมือง พรรคการเมือง เรื่องวัคซีนมีเส้นเป็นบทพิสูจน์แล้ว หากจะเปลี่ยนแปลงก็มีแต่พลังของประชาชนเท่านั้นที่จะแก้ไขได้

Back to top button