ทุบไม่ลง!

ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ช่วงของการทดสอบหนัก ๆ เพื่อพิสูจน์แรงซื้อจาก “กองทุน” และ “ฝรั่งหัวทอง”  ยังเหนียวแน่นขนาดไหน?


* หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ช่วงของการทดสอบหนัก ๆ เพื่อพิสูจน์แรงซื้อจาก “กองทุน” และ “ฝรั่งหัวทอง”  ยังเหนียวแน่นขนาดไหน? ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้รู้ว่า แนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,600 จุดน่าจะถูกทดสอบในไม่ช้า ส่งผลให้การลงทุนในจังหวะนี้เกิดเป็นสุญญากาศชั่วคราวไงล่ะจ๊ะ

* ยิ่งเห็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแน่นปึ๊กโดนขายหลายตัว ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนถี่ขึ้นในทันที แต่ถึงกระนั้นก็เห็นการซื้อสวนเกิดขึ้นเป็นระลอก จนสุดท้ายดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,634.48 จุด ลบไป 4.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 แสนล้านบาท เลยทำให้รู้ว่า งวดนี้ทุบไม่ลงจริง ๆ เพราะเป้าขั้นต่ำที่ทุกคนประเมินไว้อยู่แถว 1,650 จุด จึงเชื่อว่า การอ่อนตัวลงมาคือจังหวะของการสะสมหุ้นน่ะสิ

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องย้ำกับแฟนคลับอีกครั้งว่า หากมีเงินเย็นก็ไม่ต้องวอรี่อะไรทั้งสิ้น เพราะเหตุการณ์ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ผสานกับความคิดของผู้บริหารดัง ๆ มองเหมือนกันว่า ผ่านจุดต่ำสุดของการทำธุรกิจมาแล้ว และต่อจากนี้จะเห็นผลงานดีขึ้นอย่างชัดเจน ล้วนเป็นข้อมูลที่เดี๊ยนอยากให้แฟนคลับไปพิจารณาว่า เชื่อไหมเจ้าค่ะ

* เหมือนกับการกระชากขึ้นแรงของหุ้น U ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 1.43 บาท บวกไป 0.33 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.91 พันล้านบาท ก็เป็นผลมาจากการตั้งกองรีท และบิ๊กดีลที่เพิ่งเกิดขึ้นไปหยก ๆ แต่น้ำหนักส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การตั้งกองรีทเป็นหลัก เพราะทันทีที่มีการตั้งเสร็จสรรพ ก็จะมีปันผลพิเศษเกิดขึ้นทันที และคนที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ก็หนีไม่พ้นยูไงล่ะคะ

* เช่นเดียวกับความร้อนแรงของหุ้น MAKRO ก็มาจากการผนึกรวมโลตัสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้เชื่อว่า รายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นมหาศาล ซึ่งเป็นไปตามหลักธุรกิจที่ว่า 1+1=3 ก็เป็นอีกหนึ่งทอปปิกร้อนที่น่าติดตามสุด ๆ หลังบริษัทใหญ่เริ่มโชว์ของกันมากขึ้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมายืนปิดที่ 50 บาท บวกไป 8 บาท หรือขึ้นไป 19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.57 พันล้านบาท ทั้งที่ราคาสวอปหุ้นจริง ๆ อยู่แค่ 43.50 บาทนะจ๊ะ

* คล้ายกับกรณีของหุ้นสตอรี่สวย และยังมีแผนการเงินชั้นครูเป็นแบ็คอัพ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้น JMART แบบไม่ลังเลใจ แถมก่อนหน้านี้เคยเล่าให้แฟนคลับฟังว่า หุ้นตัวนี้มีแผนที่จะทำให้ตัวเองโต 50% ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปีติด น่าจะทำให้ขาประจำรู้ได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 40.25 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.62 พันล้านบาท ยังมีอัพไซด์เพียบนะจะบอกให้

* ส่วนหุ้นอีกตัวที่ “โมนิก้า” ติดตามผลงานมาตลอด และยังเป็นตัวเลือกแรกที่ชอบเม้าท์ถึงเวลาย่อตัวลงมาเป็นประจำก็คือ JMT โดยเหตุผลที่ทำให้ชื่นชอบหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ ก็มาจากแนวทางการทำกำไรที่โตทุกไตรมาส บวกกับวันนี้มีแผนเพิ่มทุนเพื่อเตรียมเงินไว้ซื้อหนี้เสียในระบบราว ๆ 1.50 ล้านล้านบาท (ช่วงปกติมีแค่ 5 แสนล้านบาท) จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะทั้งเล่นสั้นเล่นยาว จึงไม่ลังเลใจที่จะบอกให้แฟนคลับรู้ว่า การยืนปิดที่ 47.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท ยังน่าสนใจเหมือนเดิมจ้า!

* เม้าท์ถึงหุ้นที่น่าสนใจขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ก็นึกถึงหุ้นลังกระดาษ SCGP ขึ้นมาปั๊บ เพราะใครก็รู้กันทั้งนั้นว่า แวลูของหุ้นปีนี้จะอยู่ราว ๆ 80 บาท ขณะที่ราคาปิดวานนี้ยืนอยู่ที่ 69.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท และเป็นจุดที่หุ้นเคยลงมาพักตัว ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปแถว 71.50 บาทแบบนี้ มันช่างเหมาะต่อการเล่นรอบเสียจริง ๆ พะยะค่ะ

* ส่วนรายที่ทดสอบแรงขายจนเกือบจะสะเด็ดน้ำอย่าง PTG ถือเป็นม้านอกสายตาที่นักเล่นควรชำเลืองตามองไว้บ้าง เพราะในมุมของผลงานก็ไม่ขี้เหร่แต่อย่างใด รวมทั้งช่วงปลายปีน่าจะเห็นอะไรดี ๆ ออกมาอีก “โมนิก้า” จึงคิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 18.20 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 263 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 14 เท่ายังพอลงทุนได้นะจ๊ะ

Back to top button