ไซด์เวย์ก่อนพุ่ง 1,700

เบื้องต้นแนวรับยกตัวขึ้นมาบริเวณ 1,620 จุด ประคองตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับพิจารณาเรื่องแนวรับเป็นประเด็นหลัก


* สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามถูกกดดันจากปัจจัยลบต่าง ๆ มักเป็นบทพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่า แนวรับสำคัญแต่ละแนวแข็งแกร่งเพียงใด? และในเบื้องต้นได้เห็นแนวรับแรกที่ยกตัวขึ้นมาบริเวณ 1,620 จุด ทำหน้าที่ประคองตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับพิจารณาเรื่องแนวรับเป็นประเด็นหลัก ต่อจากนั้นค่อยดูผลกระทบที่เกิดจากเรื่องต่าง ๆ รุนแรงขนาดไหนนะคะ

* โดยเฉพาะความกังวลที่มีต่อโควิดสายพันธุ์เดลต้าจะกระทบกับการเปิดประเทศขนาดไหน? หรือแม้กระทั่งเงินทุนอาจไหลออกอีกครั้งจากการขึ้นดอกเบี้ย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการขยับตัวของตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามแยกแยะผลกระทบแต่ละเรื่อง เพื่อให้แฟนคลับพิจารณาสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะต้องเจอกับอะไรบ้าง? หลังตลาดหุ้นไทยเดินมาถึงจังหวะทดสอบแรงขายแล้วน่ะสิ

* ประเด็นนี้มีวิธีคิดเบื้องต้นง่าย ๆ คือ ตลาดหุ้นไทยใช้เวลา 3 สัปดาห์ในการทะยานขึ้น 120 จุด (จาก 1,530-1,650 จุด) และในช่วง 1 สัปดาห์ดัชนีอ่อนตัวลงมาราว ๆ 30 จุด จึงทำให้ภาพของการปรับฐานชัดขึ้นมาในทันที และสามารถอนุมานการเคลื่อนตัวต่อจากนี้จะเป็นลักษณะไซด์เวย์ เพื่อรอเวลาเทคตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,700 จุดในลำดับถัดไปไงล่ะคะ

* ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,635.35 จุด บวกไป 6.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.20 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นภาพที่ทุกคนรับรู้คร่าว ๆ มาระยะหนึ่ง ผนวกกับเป้าหมายที่กูรูหลายสำนักประเมินไว้ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าอยู่แถว ๆ 1,750 จุด ย่อมเป็นแรงผลักดันให้การช้อนหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาหนัก ๆ คือยุทธวิธีที่เวิร์คสุด ๆ ในยามที่ทุกอย่างดูดีกว่าเมื่อก่อนเจ้าค่ะ

* โดยเฉพาะการพลิกโฉมของหุ้น TEAMG ถือเป็นไฮไลท์ของการเล่นอย่างแท้ทรู เพราะประเด็นที่คนในวงการรู้ดีสุด ๆ คือ นี่คือบริษัทที่ปรึกษาการก่อสร้างชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีผลงานมากมายทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า และงานเขื่อน จึงเป็นช็อตที่ทุกคนให้แวลูค่อนข้างเยอะสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ หุ้นจึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 3.92 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.07 พันล้านบาทแบบชิล ๆ แต่จะไปต่อไหม? คิดหนักเหมือนกันนะจ๊ะ

* ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงกับหุ้น DCON แบบเต็ม ๆ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.64 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 439 ล้านบาท คือการเทรดบนค่า PE 30 เท่า และเป็นการเล่นบนความคาดหวังกำไรไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะออกมาแจ่มนั้น มันเป็นเกมเร็วที่นักเล่นต้องเผื่อใจไว้เยอะ ๆ เพราะเดี๊ยนเคยเห็นการลากโหด ๆ ต่อจากนั้นก็ทุบแรง ๆ  เมื่อสามเดือนที่ผ่านมานี้เองจ้า!

* เรื่องนี้ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลียวหลังมองหุ้น WP เพื่อชี้ให้เห็นการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.95 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาท มันช่างคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อกลางเดือนก่อน ซึ่งมีการไล่หุ้นขึ้นไปถึง 7.90 บาท และคล้อยหลังได้แค่วันเดียว เจ้ามือก็ทุบหุ้นลงมากองแถว ๆ 5 บาทเฉยเลย เดี๊ยนถึงรู้สึกกังวลเมื่อเห็นหุ้นพุ่งขึ้นแรงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยน่ะสิ

* ไหน ๆ ก็มาในแนวเกิดมาลุยทั้งที “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้น GEL อีกสักครั้ง เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.49 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 239 ล้านบาท มันเป็นสตอรี่ที่เล่นกันในโทนเทิร์นอะราวด์เป็นหลัก บวกกับเที่ยวนี้เม้าท์กันให้แซ่ดว่า อย่างต่ำต้องเล่นเท่ากับบุ๊ก 0.76 บาท จึงกลายเป็นช็อตที่ใส่กันยาว ๆ ได้อีกพักใหญ่ และเหมาะสำหรับพวกใจถึงนะจะบอกให้

* อีกหนึ่งเรื่องที่จั๊กจี้หัวใจเดี๊ยนสุด ๆ คงเป็นท่าทีของจีนที่มีการสั่งแบนเกม และจำกัดการเข้าถึงเกม มันเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตเกม “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับลองประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นกับ YGG มากน้อยขนาดไหน? หลังแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า การอ่อนตัวของหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากความกังวลตรงนี้แหละ!..จริง” หรือ “ไม่จริง”  ก็ลองหาข้อมูลประกอบกันนะคะ

Back to top button