พาราสาวะถี

การประชุมหนนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนแต่ตรงกับการทบทวนกรอบวินัยการเงินการคลังที่กฎหมายกำหนดรอบการทบทวนไว้รอบละ 3 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ครบพอดี


ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมายกับการที่ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐมีมติเห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกินร้อยละ 60 เป็นต้องไม่เกินร้อยละ 70 เพราะการประชุมหนนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนแต่ตรงกับการทบทวนกรอบวินัยการเงินการคลังที่กฎหมายกำหนดรอบการทบทวนไว้รอบละ 3 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ครบพอดี

เป็นจังหวะที่พอดีกับช่วงเวลาที่หนี้สาธารณะของประเทศกำลังจะทะลุเพดานที่กำหนดไว้ เนื่องจากรัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พุทธศักราช 2564 หรือพ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท โดยที่ในการอภิปรายของสภาที่ให้ความเห็นชอบก่อนหน้านั้น ก็ชี้ให้เห็นกันแล้วว่าจะส่งผลต่อประมาณการหนี้สาธารณะ ณ เดือนกันยายน 2564

เมื่อย้อนกลับไปคำนวณหนี้สาธารณะบนสมมติฐานที่ว่าพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทที่ออกไปก่อนหน้านั้นกู้เต็มวงเงินแล้ว ผนวกเข้ากับการกู้เงินภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ที่วางกรอบการกู้ไว้เบื้องต้น 100,000 ล้านบาทภายในปีงบประมาณ 2564 จะทำให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีหนี้สาธารณะคงค้างเกือบชนเพดานที่ร้อยละ 58.56 ของจีดีพี

แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ของโควิด-19 ที่มีผลกระทบอย่างรุนแรง จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเดินหน้ากู้เงินเต็มจำนวน 500,000 ล้านบาทภายในปีงบประมาณ 2564 อันจะส่งผลทำให้หนี้สาธารณะ ณ ปีงบประมาณ 2564 สูงเกินเพดาน แต่เมื่อคำนวณจากระยะเวลาที่เหลือรัฐบาลจะยังไม่กู้เงินตามเต็มวงเงินก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้เพื่อไม่ให้หนี้สาธารณะเกินเพดาน แต่ในปีงบประมาณ 2565 ยังไงก็หนีไม่พ้นที่หนี้สาธารณะจะเกินร้อยละ 60 ของจีดีพี

เป็นไปตามที่ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์หลังการประชุมเสร็จสิ้น การเพิ่มกรอบเพดานหนี้สาธารณะ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งกรณีหนี้สาธารณะนั้นถือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องทุ่มงบประมาณไปกับการรับมือ แก้ปัญหา เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19

นาทีนี้หากไม่จับมาเป็นประเด็นทางการเมือง มองกันด้วยเนื้อหาสาระล้วน ๆ ก็ต้องยอมรับกันว่า หนี้สาธารณะของประเทศจะทะลุเพดานจนต้องขยายหรือไม่ ไม่ใช่ตัวชี้วัดความล่มสลายของประเทศ ไม่ว่าตัวเลขดังกล่าวจะสูงแค่ไหน ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความสามารถในการบริหารประเทศของผู้นำและคณะ ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่นั่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง ต้องแสดงให้คนเห็นและเชื่อให้ได้ว่าตัวเองและคณะมีศักยภาพที่จะสามารถบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้หรือไม่

พอเห็นผลสำรวจความเห็นของนิด้าโพลล่าสุด ก็ไม่รู้ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะรู้สึกตัวบ้างไหม กับคำถามที่ว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตั้งพรรคการเมืองของตนเอง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 58.24 ไม่เห็นด้วยเลย เพราะมองว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจบริหารงานล้มเหลว ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในประเทศได้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ถึงเวลาที่ควรยุติบทบาททางการเมืองได้แล้ว

หากเป็นผลโพลสำนักอื่น อาจยังพอมองได้ว่าน่าจะมีวาระซ่อนเร้นกับตัวท่านผู้นำ แต่สำหรับนิด้าโพลแล้วถือว่าเป็นคนกันเองที่คุ้นเคย แน่นอนว่า ก่อนที่จะถามความเห็นในเรื่องนี้ ก็ได้มีการสำรวจความเห็นเรื่องที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจปลดสองรัฐมนตรีหอกข้างแคร่ไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่สำนักโพลเลือกนั้น ไม่น่าจะมีการจัดตั้งเพื่อหวังผลทางการเมืองใด ๆ อย่างแน่นอน

ยังคงย้ำกันอยู่ในประเด็นเดิม การกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปนั้น นอกจากการแจกเพื่อเยียวยาและหวังผลคะแนนนิยมในอนาคตแล้ว มาตรการอื่น ๆ ที่ออกมาจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจชอบพูดอยู่เป็นประจำหรือไม่ จนถึงเวลานี้ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ยังมีปัญหากับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพยุงกิจการหรือประคองตัวเองให้อยู่รอดไปได้

ขณะเดียวกัน หันไปมองสถานการณ์ทางการเมืองก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า รอยปริแยกระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กแห่งแก๊ง 3 ป.นั้น มันไม่ได้กลับมาหวานชื่นเหมือนอย่างที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพยายามจะสร้างภาพไปก่อนหน้า ไม่เพียงเท่านั้น ท่วงทำนองการขับเคลื่อนทางการเมืองของพี่ใหญ่ในนามหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจก็เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า มีการวางหมากเพื่อรองรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่ถูกคาดหมายว่ารัฐบาลเรือเหล็กไม่น่าจะอยู่จนครบวาระ

เห็นกันอยู่ว่าแม้ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จะถูกปลดพ้นรัฐมนตรี แต่เก้าอี้ภายในพรรคยังเหนียวแน่น ถ้าทั้งคู่ไม่ประกาศวางมือหรือแปรพักตร์กันก่อน หมายความว่า พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์เชื่อมั่นในศักยภาพ ฝีไม้ลายมือของคนเลี้ยงลิงแจกกล้วยงูเห่าเป็นอย่างมาก บวกเข้ากับการเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสียงคัดค้านเบาบางเป็นอย่างยิ่ง ด้วยสูตรเลือกตั้งที่เห็นกันอยู่ว่าน่าจะเข้าทางพรรคเพื่อไทย แต่ฝ่ายสืบทอดอำนาจไม่ยี่หระ นั่นย่อมไม่ธรรมดา

สถานการณ์โควิด-19 ทีมโฆษกศบค.ยันว่าอยู่ช่วงขาลง แต่ดูท่าว่าเรื่องตัวเลขวันนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายเกี่ยวข้องโฟกัสเป็นพิเศษ วันนี้มีการมองไปการเปิดให้ท่องเที่ยวบางพื้นที่ โดยเฉพาะในกทม. นั่นเป็นเพราะใกล้กับช่วงเวลาที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้เคยประกาศไว้ คำถามสำคัญคือมันทำได้จริงหรือ อย่าได้นำเอากรณีของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาเป็นตัวอย่าง เพราะลักษณะพื้นที่ จำนวนประชากรและองค์ประกอบต่าง ๆ แตกต่างกันลิบลับ ถ้าเปิดแล้วประชาชนไม่ปลอดภัยน่าจะเป็นการลงทุน (เอาใจ) ที่ได้ไม่คุ้มเสียมากกว่า

Back to top button