โบรกฯคาด 3 หุ้นสื่อสาร Q3 กำไรลดลง

การไหลลงของราคาหุ้นสื่อสารอาจเป็นเพราะการเทขายเพื่อลดความเสี่ยงเพียงระยะสั้นๆ ก่อนงบการเงินจะประกาศออกมา เป็นไปตามสมมติฐานของนักวิเคราะห์


เส้นทางนักลงทุน

ราคาหุ้นบนกระดานกลุ่มสื่อสารอย่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ปรับตัวลงต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศการรอคอยผลการประกาศงบการเงินในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ออกมาในเร็ววัน ขณะที่ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจไม่สู้ดีนัก

การไหลลงของราคาหุ้นอาจเป็นเพราะการเทขายเพื่อลดความเสี่ยงเพียงระยะสั้นๆ ก่อนงบการเงินจะประกาศออกมา เป็นไปตามสมมติฐานของนักวิเคราะห์ที่คาดว่ากำไรไตรมาส 3 ปี 2564 ทั้งส่วนของ TRUE, ADVANC และ DTAC จะอ่อนแอ

โดย TRUE บล.ทิสโก้ คาดผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2564 จะขาดทุน 513 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 299 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2564 และขาดทุน 104 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยผลประกอบการที่อ่อนแอลงมาจากรายได้ค่าบริการที่อ่อนแอลงและผลขาดทุนค่าเงิน

ขณะเดียวกัน ADVANC บล.กรุงศรี คาดกำไรปกติไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง 4% ทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ถูกกดดันจากต้นทุนเครือข่ายจากการใช้คลื่นความถี่ใหม่, ต้นทุนโปรโมท 5G และต้นทุนคอนเทนต์จากการถ่ายทอดสดโอลิมปิกและดิสนีย์

อย่างไรก็ตาม สมมติฐานหลักของผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 มีดังนี้ ในส่วนของรายได้การให้บริการไม่รวม IC จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในช่วงทำงาน และเรียนจากที่บ้าน ส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายได้ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น แม้ว่า ARPU จะลดลง

ขณะที่ต้นทุนการให้บริการจะเติบโต 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าเสื่อมราคาและเครือข่าย เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ต้นทุนคลื่นความถี่ใหม่ (700 MHz) และการลงทุนต่อเนื่องใน 5G คาดค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มจากต้นทุนคอนเทนต์จากการถ่ายทอดสดโอลิมปิกและดิสนีย์ และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นจากโปรโมชั่นและการให้บริการ 5G

ทั้งนี้หากกำไรไตรมาส 3 ปี 2564 ใกล้เคียงกับคาดการณ์ กำไร 9 เดือนแรกปี 2564 จะคิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี ดังนั้นจะเห็นอัพไซด์จากคาดการณ์กำไรปี 2564 จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ต่ำกว่าคาด และจะทบทวนประมาณการอีกครั้ง หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 ออกมา

ส่วนของ DTAC บล.กรุศรี ประเมินในไตรมาส 3 ปี 2564 คาดกำไรปกติ 1.06 พันล้านบาท ลดลง 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 11% จากไตรมาสก่อน จากการปิดร้านค้าชั่วคราว (ปลาย ก.ค.-ต้น ก.ย.) โดยใช้สมมติฐานในส่วนของรายได้บริการไม่รวม IC ลดลง 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 0.7% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการหาผู้ใช้บริการใหม่ลดลง เพราะการปิดร้านค้าช่วงล็อกดาวน์และ ARPU ลดลงจากการแข่งขันและการบริโภคลดลง หากรวมรายได้อื่น และการขายอุปกรณ์มือถือ รายได้รวมจะเติบโต 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน

ส่วนต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากต้นทุนขายโทรศัพท์แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน โดยจากการควบคุมต้นทุนที่ดี และ SG&A ลดลง 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าการตลาดลดลงในช่วงล็อกดาวน์

นอกจากนี้ หากกำไรไตรมาส 3 ปี 2564 ใกล้เคียงกับคาด กำไร 9 เดือนแรกของปี 2564 คิดเป็น 62% ของคาดการณ์ทั้งปี ดังนั้นมีการปรับคาดการณ์กำไรปี 2564 ลง 13% เพื่อสะท้อนกำไรที่อ่อนแอกว่าคาดในไตรมาส 3 ปี 2564 แต่กำไรจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 2564

อีกทั้งคงคาดการณ์กำไรปี 2565 แต่โมเมนตัมกำไรจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 จากรายได้ที่สูงขึ้น (จำนวนผู้ใช้บริการสูงขึ้น เนื่องจาก DTAC เริ่มมีคุณภาพสัญญาณใกล้ทันบริษัทอื่น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด) ความชัดเจนของการประมูลคลื่น 3500 MHz ทำให้แนวโน้มของ DTAC ดีขึ้น เพราะบริษัทจะได้คลื่นมากพอสำหรับการดำเนินการ 5G และขยายการดำเนินงานในไทย แม้ว่าตอนนี้บริษัทยังให้บริการ 4G ด้วยสัมปทานกับ TOT ซึ่งจะหมดอายุในปี 2568

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 อาจอ่อนแอลงจากรายได้ค่าบริการที่ลดลง  และถูกกดดันจากต้นทุนเครือข่ายและกดดันจากล็อกดาวน์ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าไตรมาส 4 เริ่มทยอยดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลายด้วยการใช้บริการเพิ่มขึ้น!!!

Back to top button