เริ่มเห็นสัญญาณดี?

การลดคิวอีได้ดำเนินการมาจนถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องลดอีก จึงไม่ต้องกังวลแรงขายจากฝรั่งหัวทองจะทะลักออกมามหาศาลนะจ๊ะ


*หากตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวฉวัดเฉวียนต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ “โมนิก้า” ก็ไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด เพราะสัญญาณดี ๆ เริ่มปรากฏให้เห็นทีละเล็กทีละน้อย จนเชื่อได้ว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมปีหน้า โดยเฉพาะการที่เฟดส่งเสียงดังฟังชัดว่า การลดคิวอีได้ดำเนินการมาจนถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องลดอีกเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันล้านเหรียญ จึงไม่ต้องกังวลแรงขายจากฝรั่งหัวทองจะทะลักออกมามหาศาลนะจ๊ะ

*ประเด็นข้างต้นเป็นสถานการณ์ที่กลับตาลปัตรจากเรื่องที่ “โมนิก้า” ประเมินไว้ในช่วงต้นสัปดาห์ว่า เดือนนี้จะเป็นคิวของฝรั่งขายหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะต้องวิ่งวนเป็นหนูติดจั่นอีกพักใหญ่ แต่เมื่อเรื่องจริงออกมาในโทนดีกว่าคาด เท่ากับเป็นแรงส่งให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,650 จุดอย่างแน่นอน จึงต้องปรับรูปขบวนการเล่นอีกรอบไงล่ะคะ

*ไม่เพียงเท่านั้น!..ยังมีข่าวดีจากผู้ประกอบการโรงแรมที่ภูเก็ตพูดตรงกันว่า ยอดจองที่พักปีหน้าตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. วิ่งกลับขึ้นมายืนที่ระดับ 60% ส่วนที่พักของจังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียงก็ขึ้นมาอยู่ในระดับ 30% “โมนิก้า” ถึงมองสตอรี่ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นแรงส่งที่ทำให้หุ้นกลุ่มต่าง ๆ กระชุ่มกระชวยขึ้นเป็นกอง ดัชนีถึงตีกลับขึ้นมาปิดที่ 1,626.27 จุด บวกไป 14.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.56 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เป็นเวลาของการพักเอาแรงชั่วคราวเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของแบงก์สีเขียว KBANK พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 147.50 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 3.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.19 หมื่นล้านบาท และเตรียมทดสอบแนวต้าน 150 บาทเป็นครั้งที่สองในรอบ 8 เดือน ย่อมเป็นเกมที่ท้าทายนักเล่นพอสมควร แต่เมื่อดูจากการปลดโซ่ตรวนทางธุรกิจได้ทีละเปราะ และหุ้นยังเทรดบน PE 8.50 เท่า โมเมนตัมของการเล่นเลยวิ่งกลับมาหาแบงก์รายนี้อีกครั้งพะยะค่ะ

*เหมือนกับการขยับตัวของเจ้าพ่อบัตรเครดิตอย่าง KTC ถือเป็นไฮไลต์ที่ทำให้เดี๊ยนหันมามองหุ้นตัวนี้ในทันที เพราะเมื่อดูจากเรื่องราวที่เกริ่นนำไว้ในเบื้องต้น หุ้นตัวนี้น่าจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดขึ้นอีกครั้ง จึงมองการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 58.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 918 ล้านบาท น่าตามน้ำเสียเหลือเกิน แถมหุ้นย่ำฐานแถวนี้ร่วมเดือน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องฮาร์ดแลนด์ดิ้งนะคะ

*ส่วนหุ้นเหาฉลามที่เกาะเกี่ยวกับแบงก์สีเขียวอย่าง HENG กลายเป็นช็อตของการเล่นเก็งกำไรอย่างสนุกสนาน เพราะต่อจากนี้คงมีเรื่องราวให้พูดถึงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่หุ้นตัวนี้ถูกดันขึ้นมาเล่นกันอีกรอบ เพราะเมื่อดูจากแผนการเติบโตด้วยการขยายสาขา และมีแบงก์เป็นแบ็คอัพให้แบบสุดซอย เลยทำให้ราคาปิดที่ 3.12 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 815 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เก็งกำไรกันอีกไงล่ะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองหุ้นโตต่อเนื่อง ซึ่งยากจะมีใครขึ้นมาทาบรัศมี JMT ในทันที แถมเมื่อวันก่อนเห็นบทวิเคราะห์พูดในทำนอง “สถิติมีไว้ทำลาย” เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การได้เงินเพิ่มทุนจาก “วีจีไอ” จะช่วยเร่งอัตราการโตของกำไรในปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากให้แฟน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ 47.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท เทียบกับราคาเป้าหมายที่ระดับ 57 บาท น่าสนใจไหมล่ะคะ

*ส่วนรายที่ทำผลงานดีมาตลอด แต่โดนสาดหนักในช่วงสามสี่วันอย่าง NER กลายเป็นช็อตที่ทำให้คนรอช้อนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะมองแค่เรื่องกำไรปี 64 ทะลุพันล้าน และกำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ราว ๆ 0.80 บาท “โมนิก้า” ก็กล้าพูดทันทีว่า การทรุดตัวลงมาปิดที่ 6.85 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.52% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 480 ล้านบาท คือโอกาสทองสำหรับการเก็บหุ้น เพราะเมื่อคิดบนสมมุติฐาน PE 10-12 เท่า..ขี้หมูขี้หมาก็ต้องได้เห็น แปดบาทเก้าบาทนะตัวเอง

*สำหรับรายที่ไม่เข้าท่า และเสี่ยงเหลือเกิน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BROOK ซึ่งหันมาเอาดีทางด้านคริปโทฯ อย่างเต็มตัวนั้น มันเป็นเกมที่หลายคนมองว่าเดิมพันสูง และเผอิญเดี๊ยนเป็นคนหัวใจสะออนเสียด้วย จึงเกรงว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 0.80 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 271 ล้านบาท อาจเป็นการพากันไปหนาวตายบนดอยเสียเปล่า ๆ เพราะเดี๊ยนอ่านเกมธุรกิจของหุ้นตัวนี้ไม่ออก..จริงเท็จอย่างไร..มาชานลี น่าจะพูดได้ดีสุด..อิอิอิ

Back to top button