สีจิ้นผิงคุกคามโลก

พรรคคอมมิวนิสต์จีนออกมติประวัติศาสตร์ ยกสี จิ้นผิงเทียบเท่าเหมา เจ๋อตง เติ้ง เสี่ยวผิง มุ่งประกาศตัวเป็นมหาอำนาจชาตินิยมแข็งกร้าว


พรรคคอมมิวนิสต์จีนออกมติประวัติศาสตร์ ยกสี จิ้นผิงเทียบเท่าเหมา เจ๋อตง เติ้ง เสี่ยวผิง มุ่งประกาศตัวเป็นมหาอำนาจชาตินิยมแข็งกร้าว

ชาตินิยมจีนเป็นภัยคุกคามโลก และไม่เป็นผลดีกับประเทศไทย แต่นักวิเคราะห์จำนวนมาก กลับน้ำลายแตกฟองตื่นเต้นดีใจการกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง

อาจด้วยทัศนะจีนนิยม เชื้อชาตินิยม เอเชียนิยม มีปมด้อยเกลียดฝรั่ง ทำให้โมหะบังตา ลืมคิดไปว่า ใช่เลย เราต้องเชียร์ให้เศรษฐกิจจีนดี เป็นผลดีต่อการส่งออกท่องเที่ยว แต่เมื่อไหร่ที่จีนวางก้ามเป็นมหาอำนาจ คุกคามไต้หวัน ทะเลจีนใต้ มีข้อพิพาทไปทั่ว ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ แต่รวมอินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มันไม่เป็นผลดีเลยกับประเทศกลุ่มอาเซียน ทั้งด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ยากจะรักษาสมดุล

พวกนิยมจีนคงเถียงแทนว่าจีนโดนรุม จีนโดนรังแก แน่ละ ท่าทีอเมริกาตั้งแต่ยุคทรัมป์ก็แข็งกร้าว แต่ความไม่ไว้ใจจีนทวีขึ้นตั้งแต่สี จิ้นผิงครองอำนาจ แล้วมีท่าทีก้าวร้าว ปลุกความคลั่งชาติ ต่อต้านตะวันตก แผ่อิทธิพลปกคลุมหรือคุกคามประเทศต่าง ๆ

ทำไมเน้นสี จิ้นผิง พึงเข้าใจว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้มีความคิดแท่งเดียวตลอดร้อยปี พรรคคอมมิวนิสต์มีการต่อสู้ทางการเมือง หรือเรียกว่าทางความคิดทฤษฎี อยู่ภายในเสมอ ระหว่างฝ่ายแข็งกร้าวสุดโต่ง กับฝ่ายยืดหยุ่นเปิดกว้าง โดยฝ่ายสุดโต่งครองอำนาจครั้งไร พังพินาศทุกที เช่นยุคเหมา เจ๋อตงปฏิวัติวัฒนธรรม

แม้ยุคเติ้ง เสี่ยวผิงกลับมาพัฒนาเศรษฐกิจทุนนิยม ในพรรคก็ยังมีสองขั้ว อาร์ม ตั้งนิรันดร เรียกง่าย ๆ ว่าฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายก้าวหน้า ช่วงแรกมีแนวโน้มเปิดกว้าง เปิดประเทศ เปิดพื้นที่เสรี มีความพยายามปฏิรูปการเมือง กระจายอำนาจ แต่พอปราบนักศึกษาเทียนอันเหมิน พวกอนุรักษนิยมก็กลับมาครองอำนาจ ปลดจ้าว จื่อหยาง กระนั้นช่วงต่อมา ฝ่ายก้าวหน้าก็กลับมามีอำนาจ โดยเฉพาะยุคหู จิ่นเทา เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง

การขึ้นสู่อำนาจของสี จิ้นผิง อดีตเรดการ์ด คือการพลิกกลับไปสุดโต่งอีกครั้งเพราะเกรงว่าพรรคจะคุมอำนาจไม่ได้ ที่สุดก็กลับสู่ลัทธิบูชาตัวบุคคล เป็นผู้นำตลอดชีพ ปลุกระดมความคิดอุดมการณ์ แต่จีนเป็นทุนนิยมแล้ว ไม่สามารถชูสังคมนิยมอย่างเหมา จึงหันไปปลุกชาตินิยม

แม้สี จิ้นผิงประกาศเป็นสังคมนิยมให้มากขึ้น เป็นทุนนิยมน้อยลง กำกับทุนใหญ่ ลดเหลื่อมล้ำ  แต่ความคิดหลักที่ IO ของพรรคใช้ปลุกคนจีนคือชาตินิยม

จีนยุคสี จิ้นผิง จึงมีท่าทีก้าวร้าวทุกเรื่อง เช่นกรณีฮ่องกง อยู่ในข้อตกลง 1 ประเทศ 2 ระบบ จีนก็ออกกฎหมายแทรกแซงการเลือกตั้ง กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนเกิดการประท้วงใหญ่แล้วปราบม็อบคนรุ่นใหม่

ผู้นำจีนทุกยุคประกาศว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ก็แค่กีดกันทางการทูต ไม่เคยคุกคามหนักหน่วงเท่ายุคสี จิ้นผิง

จีนแผ่อิทธิพลปกป้องประเทศเผด็จการ ผู้นำอำนาจนิยม ละเมิดสิทธิมนุษยชน จนโลกตะวันตกประณาม แต่ใครอยู่ตรงข้ามโลกตะวันตกจีนเอาเป็นพวกหมด ไม่เว้นพม่า ตาลีบัน ล่าเมืองขึ้นด้วยการปล่อยเงินกู้ นี่ไม่ใช่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์แน่นอน

แน่ละว่าสี จิ้นผิงดำเนินนโยบายบางด้านที่คนชื่นชม ทุบหัวทุนใหญ่ ปราบกวดวิชา ลดค่าใช้จ่ายการศึกษา ทุบฟองสบู่อสังหา สกัดเก็งกำไรบ้านที่ดิน เพิ่มภาษีทรัพย์สิน แต่ก็เป็นดาบสองคม เมื่อรวมกับการควบคุมเสรีภาพคนรุ่นใหม่ คุมเกมออนไลน์ จัดระเบียบดารา ต้องรักชาติ ห้ามหน้าหวาน ดูไม่แมน ฯลฯ ซึ่งคล้ายปฏิวัติวัฒนธรรมขนาดย่อม

ในสถานการณ์โลกผันผวน สี จิ้นผิงกระชับอำนาจได้ แต่ประเทศต่าง ๆ จะยิ่งวิตกว่าจีนเป็นภัย ขณะที่ในประเทศ แม้แต่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็คงมีคลื่นใต้น้ำแต่ทำอะไรไม่ได้

ถ้าสี จิ้นผิงซ้ำรอยเหมา เจ๋อตง ครั้งนี้ก็คงเลวร้ายเกินคาดคิด

Back to top button