พาราสาวะถี

เป็นไปตามคาดหมายเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในนามกลุ่มรีโซลูชั่นถูกตีตกจากที่ประชุมรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงไม่รับร่าง 473 เสียง


เป็นไปตามคาดหมายเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในนามกลุ่มรีโซลูชั่นถูกตีตกจากที่ประชุมรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงไม่รับร่าง 473 เสียง แน่นอนว่าเสียงของส.ว.ลากตั้งเกือบทั้งหมดย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เว้นแค่ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ มณเฑียร บุญตัน และ วิศาล มาณวพัฒน์ เท่านั้นที่ออกเสียงรับร่างแก้ไข ขณะที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคไม่มีใครแตกแถวต่างพากันโหวตคว่ำ นั่นน่าจะทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจใจชื้นขึ้นมาอีกมากโข

อย่าลืมว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ “รื้อระบอบประยุทธ์” เมื่อคนในเครือข่ายต่างพากันคว่ำ ก็เท่ากับว่าขบวนการสืบทอดอำนาจที่ได้วางกลไกทุกอย่างไว้นั้น สามารถจับมัดเอาพรรคการเมืองของนักเลือกตั้งที่ปากอ้างอุดมการณ์ประชาธิปไตยทั้งหลายเข้าไปเป็นพวกได้อย่างแนบสนิท ไม่ต้องอ้างอธิบายเหตุผลว่าเพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีการเสนอแก้ไขรายมาตราไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมารับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

เพราะความจริงปฏิกิริยาของพรรคร่วมรัฐบาลที่พิสูจน์ความจริงใจต่อข้อเสนอของภาคประชาชนนั้น มันได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่คราวร่างเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของไอลอว์ ที่เกิดการเล่นเอาล่อเอาเถิดสุดท้ายก็ถูกตีตกเช่นเดียวกัน หนนี้ก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเหตุผลใดท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นการก้มหัวให้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส.ว.ลากตั้ง 250 เสียง ทั้งที่เห็นชัดเจนว่าคือตัวการบ่อนเซาะพัฒนาการประชาธิปไตยของประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญและแนวร่วมที่มีแนวคิดทิศทางเดียวกันนั้น ไม่ได้รู้สึกผิดหวังต่อผลที่ออกมาแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะรู้อยู่แล้วว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร แต่การที่มีการเสนอร่างแก้ไขและผู้เสนอได้ไปอภิปรายแสดงความเห็นต่อที่ประชุมรัฐสภานั้น เท่ากับการได้ “ปักธงทางความคิดที่สำคัญไว้ในสังคมไทยแล้ว” ตามที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าโพสต์เฟซบุ๊กพูดถึงเรื่องดังกล่าว

การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้ข้อเสนอของการมีสภาเดี่ยว ยกเลิกการมีอยู่ของวุฒิสภา ได้รับการถกเถียงในสภาและอย่างกว้างขวางในสังคม การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นไปได้อื่น ๆ ที่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระยึดโยงกับประชาชน เป็นธรรมดาของการถากถางทางใหม่ที่จะยังไม่สำเร็จในเร็ววัน แต่อย่างน้อยวันนี้พวกเราได้ร่วมกันกรุยทางทางความคิด ปักหลักวางฐานไว้ก่อน

ขณะที่ “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำกลุ่มรีโซลูชั่น ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้กล่าวขอขอบคุณและขอโทษประชาชนกว่า 1.3 แสนรายชื่อ ที่มาร่วมเดินทางกับทางกลุ่มและประชาชนที่คาดหวังอยากจะให้ร่างฉบับนี้ผ่าน และต้องยอมรับว่าภารกิจยังไม่สำเร็จแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเชื่อว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญที่มีกระบวนการและเนื้อหาที่ไม่ชอบธรรมเช่นนี้ จะไม่สามารถแก้วิกฤตทางการเมืองได้

ตรงนี้ต่างหากคือหัวใจสำคัญของกลุ่มเสนอขอแก้ไข คือไม่ได้หวังว่าร่างแก้ไขจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาที่มีการวางกลไกไว้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับทุกองคาพยพของขบวนการสืบทอดอำนาจเท่านั้น หากแต่กลุ่มคนที่ร่วมในการเสนอรื้อระบอบประยุทธ์หวังให้สังคมตื่นรู้ มองเห็นปัญหาจากการที่มีกฎหมายสูงสุดของประเทศที่เป็นปัญหา สร้างอุปสรรค เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ แน่นอนฝ่ายเรียกร้องย่อมหวังผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าที่คาดว่าประชาชนจะลงโทษกลุ่มคนที่ไม่ยอมให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า

ประเด็นนี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ฟันธงไว้ล่วงหน้า ในเมื่อระบอบประชาธิปไตยทางตรงและการมีส่วนร่วมถูกปิดตัวลง ก็ต้องไปฝากความหวังกับประชาธิปไตยผู้แทนมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ และหวังเสมอว่าพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ต้องลงเลือกตั้งตลอดเวลา หูของเขาทั้งสองข้างจะต้องฟังประชาชนตลอด ฉะนั้น นักการเมืองที่จะต้องลงเลือกตั้งจะต้องมีการตอบรับ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนโดยเร็ว

สิ่งที่ประชาชนทั่วไปต้องช่วยกันจับตาก็คือ แล้วนักเลือกตั้งที่โหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะแก้ตัวอย่างไร ของพรรค์นี้เป็นความถนัดของคนพันธุ์อย่างว่าเสียด้วย ต้องรอดูว่าใครจะเล่นละครหลอกประชาชนได้แนบเนียนกว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งปิยบุตรชี้ให้สังคมร่วมคิดคือความรุนแรงของสถานการณ์ทางการเมืองที่ผู้สื่อข่าวถาม โดยที่เจ้าตัวบอกว่าประเมินไม่ได้ เพราะตนไม่ใช่ผู้กำกับ ไม่ใช่คนตัดสิน ไม่ใช่ผู้ควบคุมต่าง ๆ

แต่เชื่อว่าสังคมแม้กระทั่งสมาชิกรัฐสภาก็คงคาดได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหลายเรื่องเป็นความต้องการของประชาชน และการชุมนุมก็เรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็สามารถแก้ไขได้เพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คือเรื่องระบบเลือกตั้งเท่านั้น นั่นหมายความว่าภาคประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องเกาะติดการแก้ไขกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังสุมหัวกันอยู่เวลานี้ บทสรุปจะออกมาเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือเล่นแร่แปรธาตุเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไป

นอกจากการแก้ไขกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่จะได้พิสูจน์ธาตุแท้ของพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว งานเลี้ยงสังสรรค์ของพรรคร่วมที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ในฐานะหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจส่งเทียบเชิญพบปะกันในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ก็จะเป็นตัวชี้วัดทิศทางการเมือง ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้รับเทียบเชิญและจะเข้าร่วมหรือไม่ ไปร่วมแล้วจะมีวรรคเด็ดวลีทองที่จะคล้องใจให้พรรคร่วมก้าวเดินไปด้วยกันอย่างแนบแน่น หรือถึงเวลาที่จะต้องเตรียมพร้อมแยกทางไปหาคะแนนนิยมแบบทางใครทางมัน

Back to top button