ถล่ม 3 แบงก์ใหญ่

ในที่สุดก็ทำให้รู้ว่า ด่านหินบริเวณ 1,650 จุดคือบริเวณที่ดัชนียากจะผ่านไปได้แบบสบาย ๆ และแรงขายที่พรั่งพรูออกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น


*ในที่สุดก็ทำให้รู้ว่า ด่านหินบริเวณ 1,650 จุดคือบริเวณที่ดัชนียากจะผ่านไปได้แบบสบาย ๆ และแรงขายที่พรั่งพรูออกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก็กลายเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า การเล่นเที่ยวนี้ยังเป็นลักษณะสั้น ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรที่ไปไกลกว่านี้ ผนวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเป็นสถานการณ์ที่ยากต่อการคาดเดา จึงต้องปรับตัวให้ทันกับเรื่องราวที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,645.06 จุด ลบไป 5.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 แสนล้านบาท คือภาพที่ยืนยันว่า การเล่นหุ้นวันนี้จะต้องเซตเกมใหม่อีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะหุ้นแกนหลักเริ่มไปต่อไม่ไหว และถูกขายหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนนักเล่นเริ่มมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการทิ้งหุ้นแต่ละกลุ่ม มันสะท้อนอะไรให้เห็นบ้างจ๊ะ

*ที่สำคัญคือ การทิ้งหุ้นแบงก์คราวนี้เป็นสถานการณ์ที่ทำให้หลายคนหวาดหวั่นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะโดยพื้นฐานไม่มีอะไรแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ แถมหน่วยงานที่กำกับอย่าง ธปท. ก็ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มทุกทางเท่าที่จะทำได้ “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับเกาะติดสถานการณ์ของหุ้นแบงก์ไปพร้อมกัน เพราะสิ่งที่เห็นเที่ยวนี้เป็นเรื่องที่ยากต่อความเข้าใจจริง ๆ เพราะหุ้นกลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงไต่เพดานเพื่อทำฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมไงล่ะคะ

*รายแรกที่โดนจัดหนักแบบงง ๆ และมีคนถามถึงเหตุผลที่ทำให้หุ้น SCB ร่วงหนักเกิดจากอะไร? คือภาพที่บอกให้รู้ว่า สถานการณ์ไม่น่าวางใจ และมีโอกาสที่จะโดนเล่นอีกในวันนี้ เพราะการทรุดตัวลงมายืนปิดที่ 128 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.88 พันล้านบาท กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนที่คิดจะซื้อเริ่มคิดหนัก และอาจเลือกใช้วิธีรอดูเหตุการณ์ให้ชัดขึ้นอีกหน่อยนะคะ

*เช่นเดียวกับแบงก์สีเขียว KBANK ก็ตกอยู่ในสถานเดียวกันเป๊ะ ๆ และเดี๊ยนไม่รู้สาเหตุแท้จริงที่ทำให้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 146.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.78 พันล้านบาท เพราะถ้ามองตามหน้าเสื่อที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หุ้นควรขยับขึ้นไปได้อีกเรื่อย ๆ แต่มองในมุมของการ take profit เพื่อเซตเกมเล่นใหม่ ก็เป็นเหตุผลที่ฟังดูเข้าทีเหมือนกันเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะหุ้นยังไม่เสียศูนย์ คงมองไปที่แบงก์ดอกบัว BBL หลังประคองตัวปิดที่ระดับ 125.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.38 พันล้านบาท แถมเป็นการลงมายืนใกล้ฐานเก่าก่อนทะยานขึ้นแบบนี้ เหมือนเป็นการเดิมพันว่า หากวันนี้ยืนไม่ได้เหมือนที่ประเมินไว้เบื้องต้น หุ้นมีโอกาสไหลลงไปที่บริเวณ 120 บาทค่อนข้างสูง..จริงหรือไม่? วันนี้ไปพิสูจน์จ้า!

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องตัดตอนหุ้นแบงก์ เพื่อนำพื้นที่ข่าวมาเม้าท์ถึงหุ้น TRUE หลังชมรมคนช่างเผือกลงความเห็นตรงกันว่า “ข่าวลือมักเป็นจริงเสมอ” และการที่ยอมรับเสียงอ่อย ๆ เตรียมสวอปหุ้นกับค่ายสีฟ้า DTAC จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งสองฝ่ายร่อนจดหมายชี้แจงแบบแทงกั๊ก ราคาหุ้นในกระดานเลยร่วงลงมาปิดที่ 4.32 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.06 พันล้านบาท ส่วนรายหลังก็ยืนปิดที่ 41.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.11 พันล้านบาทแบบเสียไม่ได้ไงล่ะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องชี้แจงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MORE ในทันที เพราะการที่ ก.ล.ต. ประกาศคำเตือนของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระว่า การแลกหุ้นกับบริษัทที่ทำกัญชาเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า จึงอยากเชิญชวนให้รายย่อยที่ถือหุ้นไปแสดงพลังในวันโหวตนั้น มันคือสัญญาณเตือนที่ทำให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้มีความเสี่ยงในการทำกำไรแล้วหล่ะ! จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาทเสี่ยงไหมตัวเอง

*เช่นเดียวกับการที่น้องแอฟ APP พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.44 บาท บวกไป 1.02 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 227 ล้านบาท ท่ามกลางผลงาน 9 เดือนทำกำไรแบบสวยหรู แถมหุ้นก็เทรดบนค่า PE 24 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการโหนกระแสอย่างแน่นอน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า เจ้ามือคุมเกมหุ้นดีเหลือเกิน และมีสิทธิ์ทำซิลลิ่งที่สองให้ดูเป็นขวัญตานะจะบอกให้

Back to top button