หุ้นตัวจี๊ดมาเพียบ

การเคาะแต่ละไม้ก็ดุดันเสียเหลือเกิน จึงขอชื่นชมเจ้ามือแต่ละซุ้มที่ทำการบ้านอย่างรัดกุม เลยไม่มีการแตกแถวก่อนเวลาอันควรไงล่ะคะ


*ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า โมเมนตัมของหุ้นที่อยู่ในข่าย “เคาะมัน เคาะสนุก” ต้องยกให้กับหุ้นเล็กที่ดาหน้าขึ้นอย่างเร่าร้อน ซึ่งมีทั้งที่เป็นเจ้าเก่ารายเดิม และหน้าใหม่วัยใส ล้วนดันราคากันอย่างสุดลิ่ม “โมนิก้า” เลยคิดว่า การเม้าท์ถึงหุ้นกลุ่มนี้น่าจะได้อรรถรสมากกว่าหุ้นใหญ่ แถมการเคาะแต่ละไม้ก็ดุดันเสียเหลือเกิน จึงขอชื่นชมเจ้ามือแต่ละซุ้มที่ทำการบ้านอย่างรัดกุม เลยไม่มีการแตกแถวก่อนเวลาอันควรไงล่ะคะ

*ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนก็เขียวสดใส จึงกลายเป็นแรงจูงใจให้แมงเม่าเข้ามาตะลุมบอนอย่างเมามัน และทำให้เดี๊ยนต้องโฟกัสไปยังหุ้นตัวจี๊ดมากกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะบางตัวก็ขึ้นแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แถมยังมีการขายฝันเรื่องผลงานในอนาคตจะออกมาปังอีกต่างหาก จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องเล่นเร็วเพื่อป้องกันการติดดอยแบบไม่ทันตั้งตัว และไม่ควรฝืนถือหุ้นทั้งที่เขาเลิกวงกันแล้วนะคะ

*รายแรกที่ต้องเอ่ยถึงก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” ขอเทน้ำหนักไปยังหุ้น CPW เพื่อชี้ให้เห็นการดันหุ้นแบบหฤโหดในชั่วโมงสุดท้ายของการเทรดดีกว่า เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 5.45 บาท บวกไป 1.23 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 694 ล้านบาท ทั้งที่ผลงานในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาก็พื้น ๆ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า การเทรดบน PE 35 เท่า โดยไม่เห็นอะไรในก่อไผ่ เป็นทางเลือกที่ดีจริงเหรอจ๊ะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้นร้อน ACC ก็พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.37 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 15.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท ท่ามกลางตัวเลขบรรทัดสุดท้ายแดงแป๋ ก็อยู่ในข่ายเกมโหดที่ผู้เล่นต้องเอาตัวรอดให้ได้ แถมระหว่างวันมีการดันหุ้นขึ้นไปถึง 1.52 บาท แต่สุดท้ายมีการรินหุ้นใส่เรื่อย ๆ เลยเข้าข่ายลากไปเชือดอย่างชัดเจนแบบนี้ เดี๊ยนคงบอกได้แค่ว่า ใครลุกช้าจ่ายรอบวงนะตัวเอง

*ส่วนรายที่ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะมีเรื่องกำไรโตเป็นแบ็คอัพ คงต้องมองไปที่หุ้นบ้านชานเมืองอย่าง NCH เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 2 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 668 ล้านบาท ยังเป็นการเทรดบน PE 10 เท่าอยู่เลย ผสานกับบุ๊กแวลูของหุ้นก็อยู่แถว 2.26 บาท “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า หุ้นยังมีแก๊ปที่จะไปต่อได้อีก เพราะมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ยังดูดีเหมือนเดิมจ้า!

*เช่นเดียวกับหุ้น SVOA ก็มีคุณสมบัติคล้ายกับรายข้างต้น “โมนิก้า” จึงเห็นด้วยกับการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.40 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านบาท ผนวกกับยุคนี้มีการให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวกับเทคฯ มากเป็นพิเศษ เดี๊ยนเลยมั่นใจว่า หุ้นมีโอกาสวิ่งขึ้นไปทดสอบยอดเดิมบริเวณ 3 บาทอีกครั้ง และอยากให้แฟน ๆ ขาลุยประเมินการเทรดบน PE 12 เท่า มันสูงเกินไป หรือต่ำเกินไปนะออเจ้า

*ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงโดยตรงกับหุ้น RPC อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเมื่อมองดูจากบุ๊กแวลูที่อยู่ในระดับ 1.92 บาท ก็ทำให้เชื่อว่า หุ้นน่าจะไปต่อได้สบาย แถมเที่ยวก่อนก็ขึ้นไปยืนแถว 1.90 บาทมาแล้ว จึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นเริ่มขยับขึ้นใหม่อีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1.46 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 132 ล้านบาท ขณะเดียวกันหากมองในมุมของบางปีกำไรดี และบางปีกำไรลด ก็ต้องระวังกันด้วยนะจ๊ะ

*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นข้าวโพดหวาน  APURE ก็เดินมาถึงจุดที่ต้องใช้ “ความคิด” และ “ความไว” มากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะหลังจากใช้เครื่องมือทางการเงินครบทุกกระบวนท่า ก็มาถึงคิวที่ต้องประเมินว่า ปีหน้ากำไรจะโตไหม? เพราะตรงนี้จะเป็นตัวชี้ว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 7.85 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 236 ล้านบาท ยังมีช่องให้หุ้นขึ้นไปหายอดแรกที่บริเวณ 9 บาทไหม? หรือจะจบตรงนี้เหมือนเที่ยวก่อน..อิอิอิ

*ปิดท้ายกันที่หุ้น ABM กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการกระชากขึ้นมาปิดซิลลิ่งที่ระดับ 2.52 บาท บวกไป 0.58 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 362 ล้านบาท แถมเป็นการบวกแรงสองวันติดแบบนี้ ตามตำราเขาบอกไว้ว่า น่าจะมีการขึ้นแรงเป็นวันที่สาม ผสานกับองค์ประกอบทางด้านพื้นฐานก็เอื้อให้เป็นเช่นนั้นเสียด้วย จึงต้องจับตาดูว่า วันนี้จะเป็นเหมือนกรณีก่อน ๆ มากน้อยขนาดไหนเจ้าค่ะ

Back to top button