SELIC เติมพลังเทอร์โบ

การประกาศแต่งตั้งนางสาว ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ นั่ง CEO ของ SELIC แทนนายเอก สุวัฒนพิมพ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป


การประกาศแต่งตั้งนางสาว ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ นั่ง CEO ของบริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC แทนนายเอก สุวัฒนพิมพ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไปอาจจะถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่แปลกที่เป็นไปตามสูตร “เคลื่อนตัวสู่มืออาชีพ” ของบริษัทมหาชนตามปกติ แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่จะยังคงเป็นกลุ่มครอบครัวผู้ก่อตั้งตามเดิม

การถอยฉากจากการที่ผู้ประกอบการเดิมเปิดทางให้มืออาชีพนั้นโดยหลักการแล้วควรกระทำมานับแต่การเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เมื่อ 5 ปีก่อนแล้ว นี้จึงเป็นการกระทำที่ “ไม่เคยสายเกินการ” แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเสมือนการเติมพลังเทอร์โบเข้าในในเครื่องยนต์โดยปริยาย

การที่นายเอกเปลี่ยนตัวเองจากการเป็น CEO แต่ยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ดบริหาร) ซึ่งจะเน้นการดูแลในด้านการกำหนดทิศทางของกลุ่มบริษัท ซึ่งสร้างความชัดเจนให้กับบทบาทที่ต่างกันเพื่อเปิดทางให้บุคคลนอกครอบครัวเข้ามาสานงานต่อจึงเป็นเส้นทางที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่ง

โดยไม่ต้องอ้างเหตุผลที่ท่องจำจากตำราการบริหารจัดการธุรกิจอย่างสูตรสำเร็จ เช่น “เป็นการปรับองค์กรในระดับผู้นำองค์กร เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรมีการปรับเปลี่ยนและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี และด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป……การทำสิ่งซึ่งควรกระทำมานานแล้วจึงเป็นจังหวะที่เหมาะสม

เหตุผลเพราะการเปิดทางให้ผู้บริหารจากภายนอก จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนทำได้สะดวกกว่าข้อจำกัดแบบเดิมของธุรกิจครอบครัวต้องการมุมมองที่แตกต่าง และวิสัยทัศน์ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กรในระยะยาว

ปัจจุบัน SELIC กำลังอยู่ในช่วงเติบโตช่วงสอง จากการที่มีรายได้จากธุรกิจกาวเพื่ออุตสาหกรรมใน สัดส่วน 41% อันเป็นธุรกิจดั้งเดิมและรายได้จากธุรกิจสติ๊กเกอร์ 59% อันเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตรวดเร็วจากการเข้าสู่การเติบโตทางลัด ผ่านการควบรวมกิจการเมื่อ 2 ปีก่อน

ปีที่ผ่านมา รายได้และกำไรของ SELIC จากตัวเลขจากทั้ง 2 ธุรกิจหลักมีการเติบโต คือ รายได้จากธุรกิจกาวอุตสาหกรรมซึ่งเป็นโมเดลแบบ B2B อยู่ที่ 605.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.8% และรายได้จากธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากซึ่งเป็นโมเดลแบบ B2C อยู่ที่ 445.15 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนแต่ในไตรมาส 3 ว่า ออกมาทรงตัวจากไตรมาสก่อนเพียงเล็กน้อย สภาพรวมของประเทศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อของภาคประชาชนลดลง

เมื่อแนวโน้มธุรกิจเดิมเริ่มเติบโตช้าลง การหาธุรกิจใหม่ จึงเป็นความจำเป็นและโอกาสใหม่พร้อมกันไปในตัว แต่ก็มีความเสี่ยงมาแทรกปนอย่างเลี่ยงไม่พ้น

ราคาหุ้นของ SELIC ที่สะดุด วนตัวอยู่ใต้และรอบ ๆ 3.20 บาท สะท้อนความกังวลออกมาชัดเจน แต่เรื่องทำนองนี้ ไม่ใช่สิ่งแปลกเพราะเคยเกิดเหตุทำนองเดียวกันกับกรณีที่ SELIC เคยเข้าซื้อกาวสติ๊กเกอร์มาแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา ถือว่าดีเกินคาด

ก้าวย่างใหม่ของ SELIC เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดธุรกิจเดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เป็น STARs จึงต้องการมุมมองที่แปลกออกไป สอดรับการแผนยุทธศาสตร์ธุรกิจที่เคยแถลงเมื่อ 3 เดือนก่อนว่า ได้ทำการรุกคืบในธุรกิจ ผ่านการเข้าลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการพัฒนากระดูกและข้อต่อเทียมด้วยเทคโนโลยี AI และ 3D Printing ซึ่งก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรรมที่จะสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตได้

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว และได้นำผลิตภัณฑ์ไปใช้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลมากกว่า 400 เคส

SELIC ตัดสินใจเข้าลงทุนในบริษัทดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 3/64 ด้วยงบลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการลงทุนที่อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผลิตภัณฑ์แรกที่เป็นสารที่ใช้ห่อหุ้มส่วนผสม (Encapsulation) เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อาหารสัตว์ เครื่องดื่ม และยา เกิดความล่าช้า จากสถานการณ์โควิดทำให้เกิดความไม่สะดวกในการทดสอบผลิตภัณฑ์ในห้องแล็บแต่ยืนยันว่าโครงการนี้ยังเดินหน้าศึกษาต่อไป

แม้จะก้าวไปสู่ธุรกิจใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับของเดิม บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับกาวอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกาวประเภทรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัท และกาว Hot Melt ชีวภาพ ซึ่งน่าจะส่งเข้าสู่ตลาดได้ภายในปีนี้

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัทโดยปรับให้คนนอกเข้าเติมความสดใหม่ให้องค์กรโดยที่ทีมบริหารเดิมยังกุมทิศทางอยู่ จึงเป็นความรอบคอบและลดความเสี่ยงในระดับน่าสนใจ ที่หากไม่มีเรื่องเลวร้ายคาดไม่ถึง จะได้เห็นการก้าวกระโดดทางรายได้ และกำไรในช่วงเวลาที่สามของการเป็นบริษัทมหาชน แบบที่เคยขึ้นในต้นปีนี้ ที่ผลกำไรและบุ๊กแวลูของบริษัทก้าวกระโดดมากกว่าคาดน่าตื่นใจมาก

หากเป็นไปตามคาดกำไรที่ยั่งยืนของ SELIC ในอนาคต น่าจะทำให้แนวต้านราคาที่ 3.20 บาท ทะลุทะลวงได้ง่าย ๆ

การรับตำแหน่ง ซีอีโอ ของนางสาวยุวดี ในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นผู้นำองค์กรนอกครอบครัว และเป็นผู้หญิงคนแรกของ SELIC จึงมีความหมายมากกว่าปกติในรุกคืบในแดนมหัศจรรย์ครั้งใหม่

Back to top button