พาราสาวะถี

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังปีใหม่ ไม่ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ดูท่าว่าจะให้ความสนใจน้อยลง


ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังปีใหม่ ไม่ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ดูท่าว่าจะให้ความสนใจน้อยลง ไม่ใช่เพราะไม่กลัวและคิดว่าตั้งรับได้ แต่มันมีปัญหาอื่นโดยเฉพาะปากท้องต้องให้คิดมากกว่า ยิ่งในภาวะข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ไม่มีทีท่าว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลเรือเหล็กจะใช้สติปัญญาในการแก้ไขให้ประชาชนได้ชื่นใจกันได้ คิดแต่จะอัดนโยบายแจกสะบัด ส่วนค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นให้ไปแก้ไขกันเอาเอง

สถานการณ์ทางการเมืองย่ำแย่แน่นอน เห็นได้จากอาการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่เพราะนักข่าวต้องทำงานที่บ้านแล้วไม่ได้พบปะหรือมีโอกาสเจอกัน ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาลท่านผู้นำพบหน้าสื่อมวลชนแต่เลี่ยงที่จะตอบคำถาม ทำได้แค่ทักทายเป็นพิธีด้วยวลีสำคัญ “ขอให้ช่วยกันทำบ้านเมืองให้มีความสุขปลอดภัย ผมเองก็ติดตามทุกงานอยู่แล้วและมีความพอใจทุกเรื่องเลย ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอบคุณนะจ๊ะ ปีใหม่ขอให้มีความสุข”

เพียงเท่านี้ก็พอให้เห็นแล้วว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ในภาวะเครียดต่อปัญหาที่รุมเร้า โดยเฉพาะเรื่องข้าวของแพง ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าราคาขึ้นทุกอย่าง แต่คุณภาพชีวิตย่ำอยู่กับที่หรือเลวร้ายกว่าเดิม ส่วนบรรดาลิ่วล้อสอพลอ พวกทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนก็มีหัวไว้เป็นที่คั่นหูเท่านั้น ตอบโต้เพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามหรือคนที่ออกมาวิจารณ์ เต็มที่ได้แค่ถูกใจพวกหลับหูหลับตาเชียร์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมยังรู้สึกสมเพชอีกต่างหาก

ถ้าไม่มีความรู้พอหรือคิดว่าพูดเพื่อให้ประชาชนที่ไม่เข้าใจลึกซึ้งตีความไปได้ว่า รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่เจอกันอยู่แล้วโดยทั่วไป ยังไงก็หนีไม่พ้น ถือเป็นการพูดที่ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี ที่กระบอกเสียงรัฐบาลออกมาสื่อสารกับประชาชนว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรู้ว่าปัญหาสินค้าราคาแพงมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลแก้ไขแล้ว มันดูง่ายเกินไป

มาถึงตรงนี้แล้วหากมีการเตรียมพร้อมและเข้าใจต่อกลไกต่าง ๆ อย่างเต็มที่ จะต้องแจกแจงให้ประชาชนเข้าใจแล้วว่า สินค้าแต่ละชนิดที่แพงขึ้นนั้นมาจากสาเหตุใด ไม่ใช่ใช้วิธีตีขลุมเหมารวมอ้างภาวะเงินเฟ้อแล้วทุกอย่างก็จบ เหมือนกรณีเนื้อหมูราคาแพง ต้นตอก็ชัดเจนว่าเกิดจากโรคระบาดทำให้กระบวนการผลิตมีปัญหา อย่าพยายามหาแพะโดยโยนไปเป็นความผิดของอธิบดีกรมปศุสัตว์ที่ไม่ยอมรายงานหรือถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลการระบาดดังกล่าว

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรหรือเชื้อไวรัส ASF ที่ถือเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคระบาดในหมู หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่ของการผลิตหมูในประเทศ ต่างยืนยันตรงกันว่า ASF ในประเทศไทยเป็นสาเหตุให้หมูจำนวนมากล้มตาย และมีการกำจัดหมูยกฟาร์มในบางพื้นที่ แต่หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลปัญหาเรื่องนี้ไม่ยอมรับว่ามีการระบาดของโรคนี้ และใช้สูตรแบบเดิมคือยื้อเวลาด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทั้งที่ เมื่อย้อนดูแผนการเตรียมรับมือโรค ASF ในประเทศไทย มีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติในการป้องกัน ASF สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ที่ประชุมครม.มีการอนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินการรับมือกับโรคดังกล่าว 4 ครั้งคือ วันที่ 9 เมษายน 2562 วันที่ 24 มีนาคม 2563 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 และวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เป็นเงินกว่า 996 ล้านบาท ล่าสุดก็มีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก ถามว่าเพื่ออะไรในเมื่อแก้ไขปัญหาไม่ได้

ด้วยเหตุนี้พรรคเพื่อไทยจึงได้มีแถลงการณ์โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และจะยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยแกนนำพรรคฝ่ายค้านเชื่อว่ามีการระบาดของโรคดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2563 เพราะมีสุกรของเกษตรกรป่วยและตายจำนวนมาก และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขออนุมัติงบกลางจากสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกำจัดสุกรและฆ่าเชื้อ

ขณะเดียวกัน ยังมีข้อมูลการตรวจพบเชื้อจากต่างประเทศที่นำเข้าเนื้อหมูจากไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่รัฐบาลพยายามปิดข่าวการระบาดของโรค ASF เพราะต้องการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกสุกรรายใหญ่ของไทยใช่หรือไม่ ประเด็นหลังนี้เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยก็คงรู้สึกเช่นนั้น การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้ออยู่กันยาวนานมาถึงเวลานี้ ฐานค้ำยันสำคัญส่วนหนึ่งก็มาจากบรรดาเจ้าสัวทั้งหลายแหล่ แต่สังคมคนดีดัดจริตหลอกกันเองหรือหลอกตัวเองว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเผด็จการคณะนี้

ทั้งนี้ เหตุที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมอบหมายให้กระบอกเสียงมาพูดแทนว่าปัญหาของแพงมาจากเงินเฟ้อนั้น ส่วนหนึ่งคงต้องการที่จะเรียกร้องขอความเห็นใจว่าไม่ใช่รัฐบาลไม่แก้แต่มันเป็นแบบนี้ทั้งโลก เพราะเข้าใจได้ว่าปัจจัยเงินเฟ้อในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากการระบาดของโควิดในห้วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การผลิตสินค้าทั่วโลกหยุดชะงัก ทำให้การผลิตสินค้าในหลายประเทศหยุดชะงัก ขาดแคลนวัตถุดิบ นำมาซึ่งต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และราคาสินค้าแพงขึ้น

ประเด็นนี้ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่คณะที่ปรึกษาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องการให้สื่อสารและประชาชนเข้าใจ แต่น่าจะเป็นการนำเอาปัจจัยเงินเฟ้อทำให้ของแพงมาเคลมเป็นผลงานของตัวเองในการแก้ไขปัญหาโควิดที่ว่า มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ประชาชนเกิดความมั่นใจ นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางเข้าประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การจับจ่ายใช้สอยเริ่มกลับมา กำลังซื้อเพิ่มขึ้น อุปสงค์มีมากขึ้น สวนทางกับอุปทานที่ชะงักงัน ถ้าคิดเพียงเท่านี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่บริหารงานกันต่อไป เพราะสิ่งที่กำลังเป็นอยู่นอกจากไม่ใช่สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว ยังจะเป็นตัวฉุดรั้งให้สถานการณ์หนักข้อขึ้นไปอีก

Back to top button