หุ้นตีนไก่ต้มยำ

ราคาหุ้นเจ้าของฉายา “หุ้นตีนไก่ต้มยำ” หรือ SUPER หลุดลงมาใต้ระดับ 0.90 บาทอีกครั้งวานนี้ แม้จะมีประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดล้วน ๆ


ราคาหุ้นเจ้าของฉายา “หุ้นตีนไก่ต้มยำ” หรือ SUPER หลุดลงมาใต้ระดับ 0.90 บาทอีกครั้งเมื่อวานนี้ แม้ว่าจะมีประกาศจ่ายปันผลจากกรรมการบริษัทเป็นเงินสดล้วน ๆ ให้เห็น ไม่ต้องพึ่งวิศวกรรมการเงินพิสดารจากนายจอมทรัพย์ โลจายะ และนายประเดช กิตติอิสรานนท์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทอันดับ 2 ให้ต้องลงมาทุบราคาจนสยองขวัญในหลายปีที่ผ่านมา

ความย้อนแย้งจากการที่ SUPER จ่ายปันผลเป็นเงินสดล้วน ๆ กับราคาหุ้นที่ต่ำเตี้ยดังเดิมทั้งที่เพิ่งประกาศงบการเงินส่งท้ายปี 2564 ไปแล้วไม่นาน จากการที่บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิงดงามจนทำให้ล่าสุดมีกำไรสะสมมากกว่า 7 พันล้านบาทเศษ เป็นเรื่องประหลาดกับคุณภาพของนักลงทุนพอสมควร หลังจากที่นายประเดช กิตติอิสรานนท์ และกลุ่มเครือข่าย

บริษัท ดีดีมาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด ออกมาชี้แจงข่าวการขายหุ้นแบบบิ๊กล็อต 380 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 1.15 บาท (ราคากระดานอยู่ที่ 1.13 บาท) คิดเป็นมูลค่า 437 ล้านบาท วันที่ 30 เม.ย. 2561 ว่าไม่มีการกระทำอื่นใดตามข่าวลือว่าทำการทุบหุ้นหรือชี้นำราคา หลังจากให้กลุ่มนายจอมทรัพย์และกลุ่มโลจายะไปแล้ว แต่มีเป้าหมายย้ายการลงทุนไปยังหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ และถ่ายโอนอำนาจบริหารให้แก่ผู้ที่มีความสามารถมากกว่า

ในปีที่ผ่านมา SUPER มีตัวเลขรายได้และกำไรที่เพิ่มมากอย่างชัดเจนสวนกระแสโควิด-29 แถมยังทำได้เกินเป้าหมายสร้างรายได้กว่าปีละ 6,000 ล้านบาท โดยทำรายได้รวมถึงกว่า 9 พันล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงเป็นสถิติใหม่ที่ 2.407 พันล้านบาท อัตรากำไรสุทธิมากถึง 30% แม้ว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นเพียงยังอยู่แค่ 0.09 บาท จะทำให้บุ๊กแวลูขยับขึ้นน้อยมากเพียงแค่ 0.01 บาทเท่านั้น

การจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดเพียงแค่หุ้นละ 0.006 บาทหุ้นได้ 60 สตางค์ หรือ 1 พันหุ้นได้ 600 บาท ก่อนหักภาษีอีกบางส่วน แม้จะค่อนข้างน้อยนิด แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องสงวนเงินสด ให้มีกระแสเงินสดที่ปีละ 5,200 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการชำระหนี้ราว 3,300 ล้านบาทต่อปี ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมกว่า 23,000 ล้านบาท ในการชำระหนี้ราว 12 ปี เพราะที่ผ่านมาบริษัทนี้เติบโตจากการสร้างหนี้กับสถาบันการเงินโดยเฉพาะกับกลุ่มธนาคารกรุงเทพ มายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว

มติของคณะกรรมการลงวันที่ 25 กมุภาพันธ์ 2565 ที่ให้จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด สำหรับผลประกอบการประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.006 บาท หรือจำนวน 164 ล้านบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 5 พฤษภาคม แม้จะน้อยไปนิด แต่ถือว่ามาถูกทางแล้ว

ที่ผ่านมา เนื่องจากการที่ SUPER มีหนี้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้การดูแลผู้ถือหุ้นต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ระยะหลัง การเงินที่ดีขึ้น ทำฐานะการเงินจนสามารถจ่ายปันผลเป็นเงินสด นับเป็นการเริ่มต้นเส้นทางที่ไม่ต้องทุลักทุเลอีกแล้ว

ความสามารถของทีมผู้บริหาร SUPER ในการออกหุ้นกู้ระยะยาวกว่า 1 ปี ถือเป็นการแปลงสภาพการบริหารจัดการหนี้ที่ถือได้ว่าจะสร้างความั่นคงให้กับการบริหารหนี้และต้นทุนทางการเงินให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ที่ตอกย้ำความแข็งแกร่งอย่างเสถียร ในระดับพื้นฐานที่เริ่มเปลี่ยนแปลง โดยมองกำไรเป็นขาขึ้น

การออกเสนอขายหุ้นกู้ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB มุมมอง “Positive” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564   เพื่อเป้าหมายรีไฟแนนซ์หนี้เดิมจำนวน 700 ล้านบาท และที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีรายได้สม่ำเสมอ ถือว่ามีส่วนทำให้ต้นทุนการเงินต่ำลงไปมาก และช่วยลดแรงกดดันเรื่องสภาพคล่องทางการเงินระยะสั้น จากการมีหนี้ระยะยาวในสัดส่วนเพิ่มขึ้น

กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ SUPER เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และความสำเร็จในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ประเมินปี 2567 มี EBITDA แตะ 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นความไฝ่ฝันส่วนตัวของนายจอมทรัพย์ ที่ป่าวประกาศซ้ำซากอยู่ทุกครั้ง

ปัจจุบัน SUPER มีพอร์ตโครงการโรงไฟฟ้าทางเลือกขนาดใหญ่ ที่ดำเนินการแล้วมากกว่า 100 แห่ง กำลังการผลิตรวม 1,586.3 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตในประเทศ 699.6 เมกะวัตต์ และในต่างประเทศ 886.7 เมกะวัตต์ โดยในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 35% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

หากการแปลงหนี้ระยะสั้นที่ถ่วงรั้งความสามารถทำกำไร และทำให้มีสภาพคล่องที่ฝืดเคืองหมดไป ราคาหุ้นของ SUPER ก็น่าจะพ้นพงหนามได้เสียที แล้วข่าวลือเรื่องเจ้าภาพดันหุ้นของนายจอมทรัพย์และผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มนายประเดช ก็จะเลือนหายไปกับเกลียวคลื่นของคุณตลาดได้

กว่าจะถึงเวลานั้น คงต้องให้เส้นทางที่ขรุขระหายไปก่อนซึ่งก็ไม่ง่ายเช่นกัน เว้นเสียแต่ความสามารถในการทำกำไร (วัดจากอัตรากำไรสุทธิ) และรายได้เพิ่มสวนทางการหนี้ที่มีต้นทุนต่ำลง

ค่าพี/อีของ SUPER ที่ค่อนข้างต่ำมากในรอบ 3 ปีมานี้ และความสามารถในการลดต้นทุนทางการเงินอย่างจริงจัง จะทำให้อนาคตของหุ้นอย่างนี้พ้นจากสภาวะหุ้น “ตีนไก่ต้มยำ” ได้ หากนายจอมทรัพย์และกลุ่มโลจายะไม่หมดไฟไปเสียก่อน

Back to top button