พาราสาวะถี

อย่างหนาเป็นคุณสมบัติของเผด็จการไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด แต่ยุคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่มีเนติบริกรศรีธนญชัยอยู่รายล้อมรอบกายนั้น อย่างหนากว่าใครเพื่อน


อย่างหนาเป็นคุณสมบัติของเผด็จการไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด แต่ยุคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่มีเนติบริกรศรีธนญชัยอยู่รายล้อมรอบกายนั้น อย่างหนากว่าใครเพื่อน บอกไว้ตั้งแต่ก่อนจะเปิดรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่าหลังจากนี้จะได้เห็นภาพของท่านผู้นำลงพื้นที่เดินสายในเมืองหลวงถี่ยิบ ไม่ทันขาดคำวันเดียวกับที่มีการรับสมัครก็ควงพี่รองที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงตรวจคลองโอ่งอ่าง อ้างว่าเป็นโครงการที่ตัวเองคิดและสั่งให้ทำ เมื่อมีเวลาและคิดได้จึงไปตรวจสอบ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าหนุนใครทั้งสิ้น

สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพูดก็คือ นึกขึ้นมาได้ว่าตนเป็นคนสนับสนุนโครงการนี้ขึ้นมา คลองสวยน้ำใส และคูคลองในกรุงเทพฯ จะต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล มันช่างบังเอิญเหลือเกิน การหาเสียงของ พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระที่เป็นอดีตผู้ว่าฯ ลากตั้งซึ่งผู้นำเผด็จการคสช.แต่งตั้งมากับมือ ลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันเสาร์ประกาศตอกย้ำนโยบายคลองสวยน้ำใส ไร้ขยะ ไม่มีอะไรจะต้องเหนียมก็รู้กันอยู่แล้วในแวดวง ท่านผู้นำถือหางคนนี้มาตั้งแต่ต้น และอยากให้พรรคสืบทอดอำนาจหนุนด้วย แต่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่เล่นด้วย

เนื่องจากได้มีการตกปากรับคำกันไว้กับ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร.ไว้ตั้งแต่ต้น จนคนที่ได้รับความหวังไปเตรียมพร้อมนานนับปี สุดท้ายก็เกิดการแตกหักกันในหมู่พี่น้อง และฝ่ายพรรคสืบทอดอำนาจประเมินแล้วว่าสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถ้าขืนดันทุรังส่งคนลงสมัครจะกลายเป็นผลสะเทือนกลับมาที่รัฐบาล เพราะโพลทุกสำนักชี้ไปในทิศทางเดียวกัน คนกรุงเทพฯ ไม่เลือกผู้ที่ถูกส่งมาจากขบวนการสืบทอดอำนาจแน่นอน การเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.คือบทพิสูจน์

นั่นจึงทำให้บิ๊กแป๊ะต้องใส่เกียร์ถอยเลิกเช่าอาคารที่เคยเป็นที่ตั้งของพรรคสืบทอดอำนาจเก่า แล้วหันไปทำงานในพรรคร่วมกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.แทน แต่ท้ายที่สุดก็มีผู้สมัครที่คนของพรรคจะได้รับการชี้นิ้วจากหัวหน้าให้ฐานเสียงเทคะแนนสนับสนุนนั่นก็คือ สกลธี ภัททิยกุล อีกหนึ่งรายที่ใช้ฐานเสียงร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์และม็อบกปปส.ที่อัศวินหวังพึ่งพาเช่นเดียวกัน น่าสนใจ เมื่อน้องเล็กเลือกที่จะเดินเกมลุยช่วยคนที่ตัวเองหนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่พี่ใหญ่ได้แต่สั่งการให้ลูกพรรคช่วยหนุน ซึ่งคนในพรรคก็ไม่ใช่สายตรงของตัวเองทั้งหมด เช่นนี้แล้วคู่แข่งรายอื่น ๆ จึงไม่ได้รู้สึกหนักใจ

ย้ำกันอีกครั้ง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หนนี้แม้จะมีการลากยาวโดยหวังว่าฝ่ายตัวเองจะได้เปรียบ แต่จนแล้วจนรอดสถานการณ์ก็ไม่เอื้อ จนจำนนด้วยเงื่อนเวลาจึงต้องจำใจจัดให้มีการหย่อนบัตร เมื่อเป็นเช่นนี้ปลายทางจึงหนีไม่พ้นจะได้เห็นการงัดกลยุทธ์แบบโบราณมาใช้ อย่าคิดว่าคนพวกนี้จะไม่กล้า บอกไว้แล้วอย่างหนาเสียอย่างไม่แยแสอะไรอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อมองตามหน้าเสื่อตัวเต็งยังคงเป็น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และมีคนที่จะมาเบียดได้ก็คือ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกลเท่านั้น

ทั้งนี้ การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศจะลงพื้นที่กทม.บ่อยครั้ง ก็ดีเหมือนกัน เพราะจะทำให้เราได้เห็นอาการของคนพูดเองเออเอง และสะท้อนถึงความอับจนปัญญาที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน สัมผัสได้จากการตอบคำถามนักข่าวกับการลงพื้นที่ล่าสุด อ้างว่าประชาชนเข้าใจสถานการณ์โควิด เข้าใจสถานการณ์โลก และโทษว่ามีแต่นักข่าวที่ไม่เข้าใจ พออ้างว่าประชาชนเข้าใจก็ตามมาด้วยบทขอความเห็นใจ ขอให้อดทนกันนิดนึงก่อน เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ทำกันอย่างนี้จึงจะไปข้างหน้าได้ เข้าใจไหม มันไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิดทั้งหมด ไม่มีอะไรถูกทั้งหมด ไม่มีอะไรดีทั้งหมด มันไม่ใช่เลย แบบนี้แล้วยังจะหวังอะไรกันได้อีกหรือ

Back to top button