พาราสาวะถี

ฟัง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ป่าวประกาศแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับสภาพกันใช่ไหมสำหรับประชาชน


ฟัง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ป่าวประกาศแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับสภาพกันใช่ไหมสำหรับประชาชน ต่อกรณีที่บอกว่า “เรื่องการติดเชื้อโควิด-19 นั้นเป็นธรรมดา เนื่องจากการสัญจรไปมา คนหมู่มาก มีความใกล้ชิดกันมาก ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้น แต่หากฉีดวัคซีนแล้วเมื่อเป็นโอมิครอนก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเกินความสามารถการสาธารณสุขไทย” แล้วที่บอกว่า อย่างไรก็ตามต้องดูหลังจากนี้ 2 สัปดาห์จึงจะวางใจได้ หมายความว่าอย่างไร

ในเมื่อหมอหนูที่คุมหมอการเมืองในกระทรวงที่จะต้องเสนอความเห็นต่าง ๆ ประกอบการตัดสินใจของศบค.ชุดใหญ่ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรวบอำนาจไปไว้ในมือ ต่างก็เห็นตรงกันแล้วว่า ติดเชื้อโควิดมากเพราะการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุผลสำคัญกว่าสิ่งใดคือให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ แล้วจะมากังวลอะไรกับตัวเลขหลังเทศกาลดังว่า มิหนำซ้ำยังจะมีการเสนอให้มีการผ่อนคลายกันมากขึ้นอีกต่างหาก

อย่างที่บอกไว้จะดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ประกาศมันให้ชัด ๆ ไม่ใช่บอกไปเหมือนให้ประชาชนสบายใจ สุดท้ายก็ตามมาด้วยข้ออ้างที่ว่า อย่างไรก็ตาม หรือแต่อาจจะต้องอย่างโน้นอย่างนี้ แบบนี้เขาเรียกว่าแทงกั๊ก เมื่ออยากที่จะโชว์ศักยภาพความสามารถ ก็ต้องมีความเชื่อมั่นกันให้มากกว่านี้ กล้าที่จะวัดไปในทางหนึ่งทางใด หากมั่นใจแบบสุด ๆ ว่าโควิดหยุดที่โอมิครอนและไม่มีอะไรน่ากังวลอีกต่อไป ให้เดินหน้าทุกอย่างแบบเต็มสูบไปเลย เรื่องความร่วมมือของประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงเต็มที่มาตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดแล้ว

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ตามที่ปรากฏข่าว ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระมาแรงในทุกโพล โดยได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า อย่าประมาท สุดท้ายระวังความสามานย์ที่ขบวนการปล่อยข่าวหรือพวกถนัดไอโอจะใช้เล่นงาน ยังไม่ถึงโค้งสุดท้ายก่อนหย่อนบัตร การสาดโคลนพุ่งเป้าเข้าหาตัวเต็งก็มีมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ประเด็นเบา ๆ แต่หวังผลทางการเมือง คือหากได้รับเลือกตั้งจะมีการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ 3 รายจากพรรคเพื่อไทย เป็นการเตะตัดขาเขี่ยคะแนนจากพวกไม่เอาพรรคนายใหญ่ไปจากชัชชาติทันที

ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ประสานักบริหารที่แม้จะเคยผ่านสมรภูมิทางการเมืองมาแล้วยังไม่มีการตอบโต้ใด ๆ เชื่อได้เลยว่าในวินาทีท้าย ๆ จะมีหมัดเด็ดที่ทำเอาพวกปล่อยข่าวอึ้งกันทั้งแก๊งแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นพวกหลับหูหลับตาเชียร์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ต่างก็รู้ดีอยู่ว่าถือหางใครในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้ ยังมีการสร้างเฟคนิวส์กล่าวหาชัชชาติเป็นพวกสามนิ้ว สนับสนุนพวกล้มเจ้า หนักข้อกันไปใหญ่ กลายเป็นพวกสมองกลวงที่ไม่มีสติปัญญาใด ๆ

ก่อนที่จะกล่าวหาใครนั้น ไม่เคยสืบค้นประวัติกันมาก่อนหรืออย่างไรไม่ทราบ หรือถนัดการอ้างเบื้องสูงมาใส่ร้ายฝ่ายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้า รู้หรือไม่บิดาของชัชชาตินั้นเป็นอดีตนายตำรวจราชองครักษ์ที่ถวายการรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่คนยุคนั้นต่างรู้กันเป็นอย่างดี และชื่อชัชชาติกับคู่แฝด นายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้ารู้ที่มาว่ามาจากไหน พวกที่ใช้ไอโอประเด็นล้มเจ้ามาโจมตีนั้นต้องหน้าหงาย และควรตบปากตัวเองโทษฐานโง่แต่ขยัน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่หมดแค่นั้น ความพยายามของพวกใช้วิชามารตามทำลายชัชชาติยังดำเนินการต่อเนื่อง ล่าสุดก็ให้ร้ายป้ายสีว่าเป็นผู้อนุมัติเปิดเสรีการบิน เป็นเหตุให้สหภาพยุโรปหรืออียูคว่ำบาตรธุรกิจการบินไทย ประเด็นนี้แม้แต่เด็กอมมือยังรู้เรื่อง แต่เพื่อความหนักแน่นของข้อมูล ต้องฟัง ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ในสมัยของรัฐบาลคสช.บริหารประเทศอธิบาย ก็จะได้เห็นว่าสิ่งที่หยิบมากล่าวหาคนอื่นนั้นเหมือนเป็นการตบหน้านายตัวเองเข้าฉาดใหญ่

โดยไพศาลบอกในเรื่องนี้ว่าที่อียูคว่ำบาตรนั้น ไม่ได้คว่ำบาตรการเปิดการบินเสรี แต่คว่ำบาตรคสช.ที่ยึดอำนาจ พร้อมกับลำดับเหตุการณ์ให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า มีการเปิดเสรีการบินตั้งแต่ปลายปี 2556 จากนั้นคสช.รัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อียูจึงคว่ำบาตรสารพัดเรื่อง เพราะตั้งตัวเป็นเจ้าเข้าครอง เหมือนการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แทรกแซงสภา อียูจึงประกาศคว่ำบาตรคสช.หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือคว่ำบาตรธุรกิจการบินในปี 2558 หลังจากการเปิดเสรีการบินถึง 2 ปี

ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งใช้สายการบินเหมือนกันไม่มีชาติใดคว่ำบาตรหรือเห็นว่าธุรกิจการบินของไทยไม่ได้มาตรฐาน ในมุมของอดีตที่ปรึกษาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จึงมองว่าสิ่งที่พวกลิ่วล้อสอพลอกระทำอยู่นั้น เป็นไก่จิกปีกตัวเอง เพราะการยกเรื่องนี้ขึ้นมาถล่มชัชชาติ ก็เท่ากับด่าคสช. เท่ากับตัดคะแนนเสียงพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้สมัครอิสระ แต่ก็รู้กันอยู่เต็มอกว่าใครเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ

อาจจะมองว่าดีที่มีคนหนุนหลังระดับนี้ เพราะเครือข่ายในมือ และกลไกอำนาจต่าง ๆ อยู่ครบมือ อีกด้านอย่าลืมว่าการใช้อำนาจที่ผ่านมาด้วยการอ้างว่ายึดข้อกฎหมายเป็นหลักนั้น ไม่ได้แค่สร้างความเสียหายและตัดเส้นทางคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น หากแต่ได้สร้างความเจ็บช้ำในหัวใจให้กับคนที่คิดว่าเป็นพวกเดียวกันด้วย เหมือนการถูกกดให้ไร้ความก้าวหน้าในอาชีพ บางรายถูกตัดช่องทางทำมาหากินที่เคยทำได้กันมาก่อน มันจึงมีการรอจังหวะเอาคืน

รอเพียงจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เอกสารที่ไม่เคยเห็น หรือคลิปที่ไม่คิดว่าจะมีก็จะปรากฏออกมาประจาน ยิ่งน้องเล็กกับพี่ใหญ่ถือหางไม่เหมือนกัน การแตกคอที่กลายเป็นความบาดหมางยิ่งมีโอกาสที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะถูกทำให้เสียหน้าผ่านสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้ ส่วนคู่แข่งชัชชาติจากพรรคประชาธิปัตย์อย่าง สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลำพังเรื่องส่วนตัวก็ปวดหัวแย่ คนของพรรคระดับผู้บริหารดันมาก่อเรื่องฉาว ลดคะแนนนิยมลงไปอีก คงยากที่จะกลับมาเบียดตัวเต็งรายอื่นได้ อย่างไรก็ตาม เวลาที่เหลืออีกยาวไกลกว่าจะหย่อนบัตรรับประกันได้เลยว่า ยังจะมีอะไรดี ๆ ให้ประชาชีได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกเยอะ

Back to top button