พาราสาวะถี

ถือว่าเป็นการแสดงความเป็นนักการเมือง เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตอบคำถามนักข่าวประเด็นการเมืองต่อกรณีกระแสการซื้อตัวส.ส.เพื่อล้มเก้าอี้นายกรัฐมนตรี


ถือว่าเป็นการแสดงความเป็นนักการเมือง เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตอบคำถามนักข่าวประเด็นการเมืองต่อกรณีกระแสการซื้อตัวส.ส.เพื่อล้มเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สิ่งที่พูดไม่ได้แสดงออกถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาลแต่ประการใด ทว่าเป็นการขู่ประชาชนด้วยการบอกว่า “ผมไม่อยากจะไปด้อยค่าใคร ประชาชนก็ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ทางการเมืองอย่างไร เปรียบเทียบดูว่าจากที่ผ่านมาจนถึงวันนี้แก้ปัญหาอะไรไปได้แล้วบ้าง หรือจะกลับสู่ที่เก่าเวลาเดิมก็เอาสิ ตามใจ ก็เรื่องของท่าน”

ประเด็นที่ว่าอยากจะกลับไปสู่เรื่องเดิม ๆ นั้นหมายถึงอะไร ความขัดแย้งที่มีม็อบนกหวีดมาชัตดาวน์ประเทศเพื่อให้ตัวเองทุบโต๊ะยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจมาจนถึงทุกวันนี้อย่างนั้นใช่หรือไม่ ก็ต้องบอกว่านอกจากพวกที่สุมหัวกันเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว บรรดาพวกที่ไปร่วมเป่านกหวีดจำนวนไม่น้อย มาถึงพ.ศ.นี้ที่สำเหนียกสำนึกได้ ต่างพากันส่ายหน้ากันเป็นแถว ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่ได้ทำเพื่อให้บ้านเมืองเกิดการปฏิรูป เดินไปข้างหน้า มีแต่ถอยหลังลงคลอง

โดยเฉพาะทางด้านการเมืองเรื่องความเป็นประชาธิปไตยไม่ต้องพูดถึง จากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในภูมิภาค วันนี้ถูกจัดให้อยู่ในระนาบเดียวกันกับพม่า คิดกันเอาว่ามันน่าดีใจขนาดไหน บ่งบอกถึงพัฒนาการของประชาธิปไตยไทยได้เป็นอย่างดี ส่วนพวกที่ถนัดสร้างวาทกรรม อุปโลกน์ระบอบทักษิณขึ้นมาเพื่อให้ระบอบเผด็จการเข้ามาครองประเทศ นอกจากมัวเมาอยู่กับอำนาจที่ได้รับการประเคนจากขบวนการสืบทอดอำนาจแล้ว ยังคงมืดบอดทางด้านความคิดกันต่อไป

คนที่กล้าบอกว่าการปรากฏชื่อของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร มาเป็นแกนนำครอบครัวเพื่อไทย เป้าหมายคาดว่าจะถูกชงให้เป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯ เหมือนกับการยกให้ประเทศไทยตกอยู่ภายในระบอบทักษิณและคนในครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าโกง เชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่ซ้ำรอยเดิม กลับไม่ยักย้อนไปดูหนังหน้าตัวเองที่ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร กราบกรานแทบเท้าของอำนาจนอกระบบ ยอมให้คนที่ถูกตราหน้าว่ายี้มาขี่คอตัวเอง แบบนี้หรือที่จะเรียกว่ามีศักดิ์ศรี

มิหนำซ้ำ การนำพาพรรคเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งก็พบแต่ความพ่ายแพ้ จนกระทั่งหนล่าสุดจากที่เคยเป็นอันดับสองรองจากคู่แข่งสำคัญอย่างเพื่อไทย กลายเป็นพรรคต่ำร้อยหรือแค่ครึ่งร้อยเศษ ๆ จนตัวเองต้องไขก๊อกจากหัวหน้าเพื่อรับสภาพความอับอาย ต่อมาด้วยการลาจากความเป็นส.ส.ด้วยการอ้างว่ารับไม่ได้กับการที่พรรคมีมติไปสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กระทั่งวันนี้พรรคที่ตัวเองเคยเป็นผู้นำมีบาดแผลติดลบ ระส่ำระสายยังจะไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคอื่น คนอื่นอีก ไม่รู้ว่าจะเรียกคนประเภทนี้เป็นคนแบบไหน

ไม่ใช่ปกป้อง หรือเห็นว่าอุ๊งอิ๊งดีเลิศแต่อย่างใด หากเมื่อคนรุ่นใหม่ต้องการที่จะเดินบนถนนสายการเมือง แล้วเข้ามาด้วยครรลองตามระบบ ที่ว่าจะไปเส้นที่ถูกขีดให้เดินสำหรับนักเลือกตั้งเวลานี้ มีกลไกและการวางแผนมาจากอำนาจเผด็จการและขบวนการสืบทอดอำนาจเสียด้วยซ้ำ ต้องให้โอกาสคนที่ยอมเสียสละเข้ามา หากบุญพาวาสนาส่งให้เจ้าตัวได้เข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร ก็ต้องให้โอกาสในการพิสูจน์ฝีมือ ส่วนการโกง การทุจริต หากเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของฝ่ายที่มีหน้าที่ตรวจสอบจะจัดการ

ไม่ใช่กงการของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่ตัวเองก็หาความสง่างามไม่เจอ จะมาตีตราว่าเมื่อเป็นคนนี้แล้วย่อมมีโอกาสที่จะโกงในวันข้างหน้า แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือว่าในปัจจุบันมีการโกง การทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ มากไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาไปยังองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหากรัฐบาลเปลี่ยนโฉมไม่ใช่ขบวนการสืบทอดอำนาจ คนที่ถูกเลือกมาโดยกลไกและน้ำมือของผู้นำเผด็จการย่อมจะเป็นมือไม้สำคัญในการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อกอบกู้ศรัทธาจากที่ใส่เกียร์ว่างกันมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าทันทีที่มีการโจมตีแพทองธารและพูดถึงระบอบทักษิณ น่าสนใจว่าประชาชนหรือแม้กระทั่งแนวร่วมของขบวนการสืบทอดอำนาจกลับไม่หือไม่อือ มีแต่ไอโอที่ต้องการจุดพลุในเรื่องนี้ หรือว่าผีทักษิณจะไม่สามารถขุดมาหลอกให้ชาวบ้านหวาดกลัว หลงเชื่อได้อีกต่อไปแล้ว น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา มีการนำเอาผีทักษิณมาตีกินเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง แต่ตัดเอาแค่เฉพาะเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผีทักษิณคอยหลอกหลอนบ้านเมืองกลับย่ำแย่อย่างหนัก

จากที่ถูกทำให้เป็นผี คนเริ่มมองเห็นเป็นอย่างอื่นเมื่อนึกถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นเจ้าของระบอบทักษิณ เปรียบเทียบในวันที่มีนายกฯ ที่ชื่อทักษิณ กับการที่มีผู้นำจากการชักใยของมือที่มองไม่เห็น และผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เห็นได้ชัดว่า ยิ่งนานวันบ้านเมืองโดยเฉพาะปากท้องของประชาชนยิ่งเลวร้าย ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และคนจนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีหน้ามาประกาศว่าคนไทยจะหายจน และจะยกระดับให้คนไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางที่ยังมองไม่เห็นหนทาง

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องการโกงบ้านกินเมืองที่ดาหน้าด่าทักษิณและเครือข่ายอย่างไม่ลดละนั้น หากสแกนกันให้ละเอียด และไม่ทำหูหนวก ตาบอด ก็จะเห็นว่ายุคนี้มีการโกงกันอย่างกว้างขวาง จะเห็นได้จากข่าวที่ปรากฏ ที่ศาลต้องพิพากษาจำคุกพวกขี้ฉ้อกันอยู่เป็นประจำ ขณะที่องค์กรตรวจสอบทุจริตอย่างป.ป.ช. ถ้าทำงานกันอย่างขยันและเป็นมือเป็นไม้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจริง เชื่อได้เลยว่าจะต้องชี้มูลความผิดกันเป็นรายวัน เพียงแต่ว่ายุคนี้มีการปกปิดทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่ประชาชนก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง

สิ่งสำคัญที่เทียบกันไม่ได้เลยไม่ต้องอ้างเหตุโควิด-19 หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วคอยแก้ตัว ยุคของรัฐบาลเลือกตั้งโดยเฉพาะสมัยทักษิณ เศรษฐกิจเฟื่องฟู เงินไหลสะพัดไปจนถึงหมู่บ้าน คนรากหญ้า แต่เวลานี้ประเทศแบกภาระหนี้สินก้อนโต คนส่วนใหญ่นับวันมีแต่แย่ลง มองไม่เห็นอนาคต แทบจะเรียกว่าลืมตาอ้าปากได้ยาก สวนทางกับรัฐราชการที่โหญ่โต ประเคนให้คนที่กินภาษีประชาชนเพื่อเป็นฐานค้ำยันอำนาจให้ตัวเอง จนก่อให้เกิดรายจ่ายประจำมหาศาล เงินที่จะพัฒนาประเทศถูกกลืนกินไปจำนวนมาก ไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องไปปลุกผีทักษิณ ส่องกระจกพิจารณาตัวเอง ว่าควรอยู่ต่อไปอย่างนั้นหรือ

Back to top button