IP รวยเพื่อน (รวย).!

จะว่าไปบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เข้าตลาดหลักทรัพย์มาช่วงปลายปี 2562 เป็นบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ขนาดกลาง ๆ รายได้เฉลี่ยปีหนึ่ง ๆ ก็ไม่ถึงพันล้านบาท ส่วนกำไรจากหลักสิบล้าน ปีที่แล้วเพิ่งกระโดดไปแตะ 100 ล้านบาท รับอานิสงส์โควิดที่ทำให้คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น และมีมาร์เก็ตแคปราว 5,000–6,000 ล้านบาทเท่านั้น…

แต่แอสเซทของ IP แฝงไปด้วยมูลค่าที่ซ่อนอยู่…เรียกว่า แอสเซทมีแวลูมากกว่าตัวบริษัทซะอีกนะเนี่ย…

ทำให้ IP กลายเป็นแรงดูดให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ แห่งเข้ามารุมล้อม เพื่อต่อยอดนำแอสเซทของ IP ไปสร้างมูลค่าเพิ่ม…เริ่มตั้งแต่ “ธีรพงศ์ จันศิริ” แม่ทัพใหญ่แห่ง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่เข้ามาถือหุ้น  IP ในนามส่วนตัว จากนั้นไม่นาน IP กับ TU ก็ร่วมกันตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อร่วมพัฒนาสินค้า ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายใต้แบรนด์ “C VITA”

ตามมาด้วยบริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ที่เข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับอาหารสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “MARIA” รวมทั้งร่วมกับ บริษัท อินโน ฮับ จำกัด บริษัทลูกของบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO เพื่อทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านเภสัชกรออนไลน์

ล่าสุดไปเตะตายักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน อย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งส่งหลานในไส้ บริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จำกัด (INNOBIC LL) เข้ามาถือหุ้น IP สัดส่วน 20% ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 1,043 ล้านบาท

นั่นเท่ากับว่า INNOBIC LL จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ IP ทันที..!!

โดย IP จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 74.51 ล้านหุ้น จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP ให้กับ INNOBIC LL ที่ราคาหุ้นละ 14 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าในกระดาน (ราคาในกระดาน ณ วันที่ 19 พ.ค. ปิดที่ 18.80 บาท)…

ที่จริงการเพิ่มทุนลักษณะนี้ ราคาในกระดานมักวิ่งหาราคาเพิ่มทุน แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 20 พ.ค. กลับเกิดปรากฏการณ์ราคาหุ้น IP วิ่งหนีราคาเพิ่มทุนซะงั้น…โดยปรับขึ้นไป 9.04% ปิดตลาดที่ 20.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่อุ่นหนาฝาคั่งกว่า 135.75 ล้านบาท

นั่นเป็นเพราะพันธมิตรรายนี้ เป็นกลุ่ม  PTT ทำให้ถูกมองว่า จะมาช่วยหนุนการเติบโตของ IP อย่างมีนัยสำคัญ…

อันดับแรก IP จะได้เงินก้อนใหญ่ 1,043 ล้านบาท เข้ามาก่อนเลย เพื่อมาเติมสภาพคล่อง รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

ถัดมา การมีกลุ่ม PTT มาเป็นพันธมิตร จะทำให้ภาพลักษณ์หุ้น IP ดูดีขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

รวมทั้งจะได้เรื่องของเทคโนโลยี และโนว์ฮาวที่จะร่วมต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่เวชภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมทางยา เวชภัณฑ์สาหรับสุขภาพดวงตา จนถึงโภชนเภสัชและอาหารเสริม ยาสมุนไพรของไทย  อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ไม่นับรวมการใช้องคาพยพอื่น ๆ ของ PTT ที่จะมาช่วยหนุนการเติบโตของ IP อีกด้วย…

ส่วน PTT ก็ได้ตอบโจทย์กลยุทธ์ New S-Curve : Life Science ซึ่งมุ่งเน้นทั้งธุรกิจยา ธุรกิจ Nutrition ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อหวังสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน นอกเหนือจากธุรกิจออยล์

ก็ถือว่าสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่..!?

แหม๊…ดู ๆ ไปแล้ว IP ก็ไม่ต่างจาก ฮานามิ…ข้าวเกรียบรวยเพื่อนนะเนี่ย..!!

แต่เชื่อว่าเพื่อนของ IP คงไม่มีแค่นี้แน่ ๆ น่าจะมีเพื่อนของเพื่อนเข้ามาเป็นพันธมิตรอีกเยอะ แต่จะเป็นเพื่อนคนไหนนั้น..!?

ต้องไปกระซิบถาม “ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์” ผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอ IP เอาเองล่ะกัน…

…อิ อิ อิ…