AOT ไปต่อ ไม่รอแล้วนะ

นับตั้งแต่ไทยเริ่มเปิดประเทศ AOT (ทอท.) ได้รับผลบวกอย่างมาก สนามบินภายใต้การบริหารงานของทอท.จำนวน 6 แห่ง


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เพื่อตรวจความพร้อมการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายข้อกำหนดการเข้าราชอาณาจักร ลดขั้นตอนการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติมากขึ้น โดยยังคงต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

การผ่อนคลายข้อกำหนดการเข้าประเทศเพิ่มเติมจะทำให้มีการเดินทางและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินจะทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ศักดิ์สยาม” คาดว่าในเดือนมิถุนายนจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในภาพรวมประมาณ 70,000 คนต่อวัน จากเดือนพฤษภาคมที่มีผู้โดยสารประมาณ 64,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 57% และในประเทศ 43%

ขณะที่จำนวนเที่ยวบินนั้นคาดว่าจะเพิ่มเป็นเฉลี่ยวันละประมาณ 480 เที่ยวบิน จากเฉลี่ยวันละประมาณ 440 เที่ยวบินในเดือนพฤษภาคม แยกเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 55% และเที่ยวบินในประเทศ 45%

นับตั้งแต่ไทยเริ่มเปิดประเทศ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) ได้รับผลบวกอย่างมาก สนามบินภายใต้การบริหารงานของทอท.จำนวน 6 แห่ง โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

หุ้นของทอท.ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยใช้ตัวย่อ AOT” ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พุ่งแตะ 70 บาทครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด

หุ้น AOT เคยขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่ 81 บาท เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 แต่เมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด ราคาหุ้นได้ปักหัวลงไปต่ำสุดที่ 47.25 บาท เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 มูลค่าหุ้นขณะนั้นหายไปมหาศาล

หากมองเฉพาะปี 2565 นี้ ในช่วงต้นปีหุ้น AOT ยังเคลื่อนไหวอยู่ที่ 58-61 บาท จากนั้นราคาค่อย ๆ ขยับมายืนแถว ๆ 63-65 บาท ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม

ถัดมาในเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ราคาหุ้น AOT ยังไต่ระดับขึ้นไปยืน 66-67 บาทได้ต่อ กระทั่งล่าสุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็สามารถพุ่งทะลุไปที่ 70.50 บาทได้อีกด้วย ขณะที่ ณ ราคาปิด วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 อยู่ที่ 69.50 บาท

ปัจจัยบวกหนุนหุ้น AOT มีเพียงปัจจัยเดียวคือการเปิดประเทศ เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดทั่วโลกคลี่คลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเดินทางอีกครั้ง ขณะที่ประเทศไทยนับเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ในดวงใจที่ต่างชาติปักหมุดมาท่องเที่ยว

ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 (มกราคม-มีนาคม 2565) ของ AOT สะท้อนการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยขาดทุนสุทธิ 3,276.46 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 10.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนมากถึง 3,644.09 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 1,237.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

AOT รับอานิสงส์รายได้เที่ยวบินและบริการภาคพื้นเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยกิจการการบินรายได้เพิ่มขึ้น 674.74 ล้านบาท หรือ 117.89% มาอยู่ที่ 1,247.11 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร 6 สนามบิน และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 564.64 ล้านบาท หรือ 46.85% มาที่ 1,769.91 ล้านบาท

นอกจากนี้ รายได้ค่าบริการสนามบินเพิ่มขึ้น 132.86 ล้านบาท หรือ 54.08% จากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินรวม 44.55% รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มขึ้น 246.72 ล้านบาท หรือ 68.73% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจร้านค้าปลอดอากร ธุรกิจการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และธุรกิจบริการภาคพื้นและซ่อมบำรุง ส่วนรายได้อื่นอยู่ที่ 527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256.69 ล้านบาท หรือ 94.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากแปลงค่าเงินตราต่างประเทศของเงินกู้ระยะยาวที่อยู่ในสกุลเงินเยน

ในไตรมาสนี้ ภาครัฐมีการปรับมาตรการการเข้าประเทศ ผู้โดยสารคนไทยและต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่ต้องกักตัว Test & Go ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น รวมถึงศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มีมติยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่ 1 เมษายน 2565

AOT มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 826.73 ล้านบาท หรือ 14.06% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ค่าสาธารณูปโภค ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา ค่าจ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าใช้จ่ายอื่น ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 AOT มีสินทรัพย์รวม 182,510.26 ล้านบาท ลดลง 6.45% จากวันที่ 30 กันยายน 2564 และมีหนี้สิน 76,608.55 ล้านบาท ลดลง 6.19% จากในช่วงเดียวกัน

ในช่วงระยะ 6 เดือน (ตุลาคม 2564-มีนาคม 2565) สนามบิน 6 แห่ง มีปริมาณจราจรทางอากาศรวม 164,386 เที่ยวบิน ลดลง 1.76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ในประเทศ 50,739 เที่ยวบิน และต่างประเทศ 113,647 เที่ยวบิน ขณะที่ผู้โดยสารมีทั้งหมด 15.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารในประเทศ 2.39 ล้านคน และผู้โดยสารต่างประเทศ 13.46 ล้านคน

ทั้งนี้ ภาครัฐได้มีการทยอยผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการปรับมาตรการและเงื่อนไขการเข้าประเทศของผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่ต้องดําเนินการกักตัวภายใต้โครงการ Test & Go เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565 แสดงถึงสัญญาณการอยู่ร่วมกันกับโควิด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการเข้าสู่แผนตามระยะเวลาของการกลายเป็นโรคประจําถิ่นเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทย มีการประเมินว่าผลการดำเนินงานปกติของ AOT ปี 2565 จะขาดทุนลดลงเป็น 1.0 หมื่นล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2564 ที่ขาดทุน 1.5 หมื่นล้านบาท และปี 2565 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566) ก็มีโอกาสจะพลิกเป็นกำไรได้ถึง 6.8 พันล้านบาท

ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากหากราคาหุ้น AOT จะเดินหน้าไต่ระดับไปต่อ เพื่อมุ่งสู่จุดหมายราคาสูงสุดที่เคยทำสถิติไว้ก่อนเกิดวิกฤตโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลก

Back to top button