ฝันร้ายไอพีโอ?

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสุดสำหรับตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่ปัจจัยภายในที่ยังเป็นลักษณะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่เป็นอิทธิพลจากตลาดหุ้นต่างประเทศ


*สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสุดสำหรับตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่ปัจจัยภายในที่ยังเป็นลักษณะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่เป็นอิทธิพลจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ความหวังที่เคยพองโตมลายหายไปในพริบตา จึงอยากให้แฟนคลับประเมินข้อมูลตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่เม้าท์ให้ฟังว่า ทุกอย่างยังอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้หรือเปล่า? หลังประเทศไทยเตรียมขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ไงล่ะคะ

*อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้นเต็มตัว! ซึ่งจะทำให้ผลกระทบที่จะตามหลังมาหนักพอควร ผนวกกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจก็ไม่มีทีท่าจะจบลงในวัน แถมยังแสดงอาการฮึ่มใส่กันตลอดเวลาแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงมองเป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับการลงทุนในอนาคต เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรที่เป็นรูปธรรมได้สักอย่างน่ะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกสาดลงมาอย่างหนัก จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 1,568.33 บาท ลบไป 17.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.19 หมื่นล้านบาท จึงเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักเล่นทุกคนได้รู้ว่า นักลงทุนสถาบันยังซื้อหุ้นแบบแทงกั๊กเหมือนเดิม และทำให้เดี๊ยนต้องกลับไปมองแนวรับสำคัญบริเวณ 1,550 จุดอีกครั้ง เพราะเป็นจุดตั้งต้นของเกมหุ้นในรอบที่ผ่านมาพะยะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงผลงานของหุ้นไอพีโอในช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 เพราะเป็นการสรุปผลงานคร่าว ๆ ให้แฟนคลับได้เห็นว่า หุ้นน้องใหม่ตัวไหน “ปัง” หุ้นน้องใหม่ตัวไหน “พัง” และยังเป็นการบอกให้รู้ว่า ไอพีโอทั้งหมด 13 ตัว โดยเป็นหุ้นที่เข้า SET จำนวน 9 ตัว และเข้าตลาด mai จำนวน 4 ตัว และมีหุ้นที่หลุดจองทั้งหมด  6 ตัว ซึ่งมาจากตลาดใหญ่ 4 ตัวและตลาดเล็ก 2 ตัวนะจะบอกให้

*โดยหุ้นที่โดนกองทุนรินขายหนักสุดกลายเป็น BBGI ภายใต้การทำคลอดของ เฮีย.ว ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในหมู่นักเล่นขาลุย ก็กลายเป็นหุ้นที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแรง เพราะราคาหุ้นลงเกิน 20% หลังจากเข้าเทรดราว 4 เดือน “โมนิก้า” จึงอยากถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 8.05 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 ล้านบาท ท่ามกลางกำไรลดฮวบแบบนี้..น่ากลัวไหมเอ่ย?

*รายถัดมาเป็นหุ้น mai ซึ่งรูดลงหนักนับตั้งแต่วันเข้าเทรด 14 มิ.ย. “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปยังหุ้น STP เป็นรายถัดมา เพราะวันนั้นราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 22.10 บาท  และในวันเดียวกันก็รูดลงมาปิดที่ 18.80 บาท โดยหุ้นน้องใหม่ตัวนี้เปิดจองไอพีโอที่ราคา 18 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดที่เห็นวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 14.70 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42 ล้านบาท หลุดไอพีโอลงมาถึง 18% เหมือนบอกให้รู้ว่า แรงขายยังไม่สะเด็ดน้ำเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TEKA ก็โดนถล่มหนักไม่แพ้กัน ทั้งที่เพิ่งเข้าเทรดได้แค่ครึ่งเดือน ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาด ๆ “โมนิก้า” ถึงต้องให้นักเล่นเปรียบเทียบการยืนปิดที่ 4.28 บาท ลบไป 0.26 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32 ล้านบาท กับราคาไอพีโอที่ระดับ 4.60 บาท เดี๊ยนมองเป็นภาวการณ์ลงทุนที่ไม่เอื้อให้กับหุ้นรับเหมามากกว่า หุ้นถึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควรจ้า!

*คล้ายกับสถานการณ์ของรุ่นพี่ที่เข้าเทรดไปก่อนหน้าอย่าง CIVIL ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถานการณ์ต่อจากนี้คงไม่ง่าย เพราะองค์ประกอบหลายอย่างไม่เป็นใจ ราคาหุ้นถึงซึมลงลงมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ตอนแรกวิ่งขึ้นไปยืนเหนือไอพีโอที่ระดับ 4.60 บาทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขึ้นไปทำไฮบริเวณ 7 บาทนิด ๆ แต่วันนี้ราคาหุ้นกลับยืนปิดที่ 4.30 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3 ล้านบาท มันน่าเห็นใจจริง ๆ นะนายจ๋า!

*เม้าท์ถึงเรื่องร้าย ๆ มาเยอะพอสมควรประมาณ “โมนิก้า” ขอมองไปที่เรื่องดี ๆ ของหุ้นไทยประกันชีวิต หรือที่รู้จักกันในชื่อ TLI กันสักหน่อย เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการขายไอพีโอไปจนถึงวันที่ 6 ก.ค. และเตรียมตัวเข้าเทรดในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. โดยครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ความนิยมที่มีต่อตัวบริษัท และเป็นการวัดฝีมือ FA ที่เป็นคนรังสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดงตัวนี้ออกมานะจะบอกให้

Back to top button