MAKRO ควบกำไรไม่ขึ้น.!

ถือเป็นหุ้นที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนได้ไม่หยุดหย่อนจริง ๆ สำหรับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ของกลุ่มซีพี..!?


ถือเป็นหุ้นที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนได้ไม่หยุดหย่อนจริง ๆ สำหรับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ของกลุ่มซีพี..!?

ไล่มาตั้งแต่เกิดปัญหาทางเทคนิค (ฟรีโฟลตต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งอยู่ที่ 13.53% แต่เกณฑ์กำหนดต้องไม่ต่ำกว่า 15%) ไม่สามารถเข้าคำนวณใน SET50 ได้ ทำให้นักลงทุนผิดหวังไปตาม ๆ กัน…

เมื่อเข้าคำนวณใน SET50 ไม่ได้ ผลพวงที่ตามมา กองทุนที่เข้าลงทุนโดยอ้างอิง SET50 ก็ไม่สามารถเข้าลงทุนในหุ้น MAKRO ได้…เลยทำให้หุ้น MAKRO นอนแช่แป้งไม่ไปไหน…ทั้ง ๆ ที่มาร์เก็ตแคปโคตรใหญ่ ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปราว 362,376 ล้านบาท

กลายเป็นหุ้นใหญ่ที่ไร้คนสนใจ ทำให้นอกจากราคาไม่พ้นราคา PO ที่ 43.50 บาทแล้ว ยังหลุด 40 บาทอีกต่างหาก ล่าสุดซื้อขายกันที่ 34 บาท ดูแนวโน้มแล้ว มีสิทธิหลุด 30 บาท ได้นะเนี่ย…

ผิดหวังเรื่องแรกยังไม่ทันได้ทำใจ…จู่ ๆ ก็ต้องมาผิดหวังซ้ำสองกับการเปลี่ยนหัวซีอีโอ จากแม่ทัพหญิง “สุชาดา อิทธิจารุกุล” ที่เป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ MAKRO มาเกือบ 30 ปี ไปเป็นคนของซีพีซะงั้น…

ก็ไม่แคล้วถูกมองว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล หรอกนะ…

ยิ่งสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนเข้าไปอีก..!!

ขณะที่ทุกคนหมายมั่นปั้นมือไว้ว่า ภายหลังการควบรวมโลตัสส์เข้ามา น่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ MAKRO แบบก้าวกระโดด..!! เพราะรายได้ของ MAKRO กับโลตัสส์ก็ไม่ต่างกันมากนัก ก็น่าจะโตแบบทวีคูณแหง ๆ…

แต่ที่ไหนได้…MAKRO เปิดงบไตรมาส 2/2565 ออกมา กลับโตแค่นิดเดียว โดยมีกำไรสุทธิ 1,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,287 ล้านบาท และมีรายได้รวม 118,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 ที่มีรายได้รวม 54,956 ล้านบาท

อย่าลืมว่าไตรมาส 2 ปีที่แล้ว MAKRO ยังไม่มีโลตัสส์เข้ามานะ…ขณะที่ไตรมาส 2 ปีนี้ ได้โลตัสส์เข้ามาหนุนแล้ว แต่กำไรก็ยังเติบโตน้อยมาก…

ครั้นเข้าไปดูไส้ในของงบการเงิน…โอเค ในแง่ของรายได้ทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจแทบไม่ต่างกัน โดยกลุ่มธุรกิจค้าส่ง (ตัวแม็คโครเดิม) มีรายได้อยู่ที่ 59,409 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (โลตัสส์) รายได้อยู่ที่ 53,954 ล้านบาท

แต่พอไปดูกำไรกลุ่มธุรกิจค้าส่ง อยู่ที่ 1,356 ล้านบาท สวนทางกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ที่มีกำไรติดปลายนวมแค่หลักร้อยล้านบาท อยู่ที่ 217 ล้านบาทเท่านั้น

สร้างความผิดหวังซ้ำซ้อนเข้าไปอีก..!!

กลายเป็นว่า ควบกันแล้วกำไรไม่ขึ้นนะเนี่ย…

แม้จะมีคำอธิบายถึงที่มาของกำไรหลักร้อยล้านบาทของโลตัสส์ว่า เป็นผลมาจากมีต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม 10,472 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย 8,303 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร 2,169 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานของสาขา ค่าพัฒนาระบบเทคโนโลยี และค่ารีแบรนดิ้ง…

ซึ่งจะฟังขึ้นหรือเปล่า..? อันนี้ไม่รู้…

แต่ที่รู้ นักลงทุนไม่ปลื้มกับการเห็น MAKRO มีรายได้หลักแสนล้านบาท แต่มีกำไรเท่าหางอึ่งหรอกนะ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button