TOP ค่าการกลั่นแกร่ง

ไม่ทำให้ผิดหวัง TOP ประกาศงบไตรมาส 2/65 โชว์กำไรสุทธิ 25,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,092% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,123 ล้านบาท


คุณค่าบริษัท

ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ประกาศงบไตรมาส 2/2565 โชว์กำไรสุทธิ 25,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,092% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,123 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 143,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 78,120 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจาก 1) ค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่ม โดยบริษัทรายงาน Market GRM อยู่ที่ 25.1 เหรียญต่อบาร์เรล 2) การรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Stock gain) ที่สูงถึง 7,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% และ 3) การรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จำนวน 12,880 ล้านบาท (หลังหักภาษี) ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าว ช่วยชดเชยผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,317 ล้านบาท และการรับรู้ผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน (Hedging Loss) ที่ 12,626 ล้านบาทได้

ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ TOP มีกำไรสุทธิ 32,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 493% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,483 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 258,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 151,570 ล้านบาท

ด้านผู้บริการมองภาพรวมธุรกิจการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความไม่แน่นอนสูง จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จึงต้องติดตามสถานการณ์และราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม TOP ยังมีปัจจัยบวกจากการรอดพ้นถูกรัฐบีบคอรีดกำไรค่ากลั่น จากกองทุนน้ำมันฯ สามารถกู้เองได้ โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ขณะที่ มอร์แกน สแตนลีย์ ตีตราว่า TOP จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากวัฏจักรขาขึ้นของมาร์จิ้นการกลั่นที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าจะยังคงมีอยู่ในปี 2566-2567

ด้านบล.ดาโอ ประเมินกำไรปี 2565 ของ TOP จะเติบโต 188% จาก 1) Market GRM ที่สูงขึ้นตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) 2) Stock gain ที่สูงขึ้น และ 3) รับรู้กำไรจากการขายหุ้น GPSC แต่คาดว่ากำไรปี 2566 จะลดลง 57% สู่ระดับปกติ

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น TOP ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 3.06 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.99 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาดหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับ P/BV ที่ระดับ 0.82 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.63 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 66.60 บาท จากราคาต่ำสุด 63.00 บาท และราคาสูงสุด 70.00 บาท

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

  1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 918,565,183 หุ้น 45.03%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 208,689,746 หุ้น 10.23%
  3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 62,925,198 หุ้น 3.08%
  4. บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด 61,200,000 หุ้น 3.00%
  5. GIC PRIVATE LIMITED 50,312,600 หุ้น 2.47%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุพจน์ เตชวรสินสกุล ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
  3. น.ส.พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล กรรมการ
  4. นายบุรณิน รัตนสมบัติ กรรมการ
  5. นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ กรรมการ
  6. นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล กรรมการ
  7. นายสมภพ พัฒนอริยางกูล กรรมการ
  8. นายสุชาติ ระมาศ กรรมการ
  9. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
  10. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการอิสระ
  11. พล.อ.ท.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ กรรมการอิสระ
  12. นายประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  13. พลเอกกู้เกียรติ ศรีนาคา กรรมการอิสระ
  14. นายพสุ เดชะรินทร์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  15. นายพลากร หวั่งหลี กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ

Back to top button