พาราสาวะถี

ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ จากกรณีที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีมติให้แก้ไขคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี


ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใด ๆ จากกรณีที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีมติให้แก้ไขคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับแต่งตั้งโยกย้ายและงบประมาณ

เนื่องจากคำสั่งเดิมนั้นในสองเรื่องดังกล่าว ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ หากจะตัดสินใจต้องไปปรึกษากับผู้ที่เป็นนายกฯ เสียก่อน ในที่นี้ก็คือ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ วิษณุ เครืองาม เนติบริกรประจำรัฐบาลได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องแก้ไขว่า เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อรักษาการแล้วหากมีการแต่งตั้งโยกย้าย หรือมีเรื่องงบประมาณจะต้องไปปรึกษาผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่อยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องแก้คำสั่งตัดประโยคนี้ออกไปเพื่อให้มีอำนาจเต็ม และมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 24 สิงหาคม

นั่นคงไม่ใช่สาระสำคัญ จะเห็นได้จากการประชุม ก.ต.ช. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โผที่ได้มีการวางไว้ก่อนหน้านั้น พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็ไม่ได้เข้าไปแตะแต่อย่างใด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เช่นเดียวกันกับเรื่องการปรับ ครม.ที่เจ้าตัวยืนยันว่า “ปรับทำไม ยังทำงานได้อยู่นี่” แต่เมื่อมีอำนาจเต็มแบบนี้แล้ว จะมาทำงานแบบซังกะตายเพื่อรอวันตัดสินคดีของน้องเล็กคงไม่น่าจะใช่สิ่งที่หัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจ ที่มองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วจะทำอย่างแน่นอน

อย่าลืมเป็นอันขาดในมิติทางการเมืองนั้น คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ย่อมรู้ดีว่าคนภายนอกมองมายังรัฐบาลสืบทอดอำนาจอย่างไร และมีประเด็นอะไรบ้างที่หากไม่เร่งดำเนินการแก้ไข หรือทำให้เกิดความกระจ่างชัด มันจะไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเท่านั้น แต่มันจะกระทบชิ่งมาถึงรัฐบาลทั้งคณะ ที่จะได้รับผลไปเต็ม ๆ คือ พรรคสืบทอดอำนาจ ลำพังจะต้องต่อสู้กับพรรคฝ่ายตรงข้ามก็ว่าลำบากแล้ว ยังถูกเพื่อนร่วมรัฐบาลคอยที่จะตกปลาในบ่อเพื่อนตลอดเวลา

สิ่งที่เชื่อว่าทีมกุนซือของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จะชงให้พิจารณาเพื่อให้การทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ได้โชว์ศักยภาพในการบริหารงานนั้น น่าจะมีหลายเรื่องที่น้องเล็กไม่ได้ทำให้เกิดความชัดเจน เหมือนที่ ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่เสนอแนะไว้อย่างน่าสนใจ เรื่องแรกคือ การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เป็นการรวบอำนาจของรัฐมนตรีทุกกระทรวงมาไว้ที่นายกฯ แต่เพียงผู้เดียว หรือที่นายกฯ จะมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งหรือหลายคนปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งรวบอำนาจมาสองปีเศษแล้ว

กรณีนี้คนส่วนใหญ่ก็เห็นว่าผลจากการรวบอำนาจในลักษณะนี้ ได้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างไร ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เบาลงอย่างมาก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป จำเป็นต้องรีบยกเลิกและยุบ ศบค.ให้เร็วที่สุด เพื่อคืนอำนาจให้แก่รัฐมนตรีทุกคนให้เร่งรีบปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องที่เกรงว่าเมื่อยกเลิกแล้วจะทำให้เกิดม็อบสารพัดรวมตัวล้มรัฐบาลนั้น ฝ่ายกุนซือพี่ใหญ่ก็มองว่าถ้าไม่ใช่ขบวนการจัดตั้งของม็อบเหมือนม็อบนกหวีดหรือระบอบสนธิ-จำลองก่อนหน้า ก็ยากที่จะเกิดการชุมนุมใหญ่แบบนั้นได้

เพราะไม่ใช่เพียงแต่ว่ามีม็อบจำนวนมหาศาลมาชุมนุมกดดันแล้วล้มได้เท่านั้น หากแต่กลไกที่จะสนับสนุนอันหมายถึงหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายกุมขุมกำลังทั้งกองทัพและตำรวจ ไม่ได้ไปสมคบคิด หรือยืนอยู่ข้างฝ่ายชุมนุมก็ยากที่การเคลื่อนไหวจะเดินไปสู่เป้าหมายได้ เห็นมาแล้วจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ที่ถือว่าสร้างแรงกดดันจนทำให้รัฐบาลสั่นคลอน แต่สุดท้ายก็เกิดการสลายการชุมนุม จนถึงทุกวันนี้ยังไม่สามารถเอาผิดคนที่สั่งฆ่าประชาชนได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วจะเอาไม่อยู่

ปัญหาต่อมาคือ การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคที่อีกสองเดือนเศษข้างหน้าจะเกิดขึ้นแล้ว แต่วันนี้ไม่มีใครรู้กำหนดการใด ๆ ที่แน่นอน แม้กระทั่งว่าใครจะมาประชุมบ้างก็ไม่แน่ชัด จนเป็นที่หวั่นวิตกว่าประเทศไทยจะเสียหน้าเสียหาย และไม่ได้รับประโยชน์จากการทำหน้าที่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะขายหน้าอดีตนายกฯ อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยเป็นประธานจัดประชุมเอเปคอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในปี 2546 ตรงนี้รักษาการนายกฯ จะต้องเร่งทำให้ทุกอย่างเกิดความกระจ่างชัด

ปัญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่เวลานี้หนีไม่พ้นข้าวของแพง ไม่ว่าผู้ประกอบการและประชาชน ต่างเดือดร้อนทุกข์เข็ญกันถ้วนหน้า มีการเรียกร้องให้แก้ไข แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง มีแต่การตั้งคณะกรรมการและคณะกรรมการ ในขณะที่ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นต่อเนื่อง เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ถ้าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เปิดใจกว้าง ฟังความรอบด้าน ไม่ใช่เอาแต่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาดูในทุกเรื่อง น่าจะพอมีทางที่ช่วยทุเลาความเดือดร้อนของคนได้ไม่มากก็น้อย

ในฐานะอดีตที่ปรึกษาพี่ใหญ่ในยุครัฐบาล คสช.นั้น ไพศาลยังมองเห็นปัญหาสำคัญจากการบริหารของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อก็คือ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ มีปัญหาขัดแย้งยังหาข้อยุติไม่ได้ ดังที่เป็นข่าวว่ามีการล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองจนเสียระบบการแต่งตั้งโยกย้าย และจะเกิดผลเสียในทางราชการและประชาชน เช่นเดียวกับเรื่องทุจริต ที่ถูกมองว่ามีลักษณะโกงได้โกงเอา จนหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท. และศาลคดีทุจริต มีการตัดสินลงโทษแทบจะรายวัน รัฐธรรมนูญที่ว่าปราบโกงไม่ได้ก่อมรรคผลใด ๆ

มองต่อไปว่าถ้าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ใช้อำนาจเต็มที่มี จัดการเรื่องเหล่านี้ที่ยกมาเป็นบางส่วนได้ ความกลัวเรื่องแลนด์สไลด์อาจจะหายไป และการที่พรรคหนึ่งพรรคใดจะมีชัยชนะแบบถล่มทลายก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คนจำนวนไม่น้อยยังหวั่นใจเรื่องการใช้กฎหมายแบบศรีธนญชัย ด้วยความเจ้าเล่ห์ของพวกเนติบริกรและฝ่ายที่จะแปรความกฎหมายให้กลายเป็นความวิบัติ อย่างที่ไพศาลว่าขณะนี้ล่อแหลมเต็มที เพราะประชาชนอาจไม่ทนกับการใช้กฎหมายตามอำเภอใจได้อีกต่อไป

Back to top button