MAJOR กำไรทะลุจอ!

หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย MAJOR สามารถกลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ ก็เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เริ่มจากไตรมาส 1/65 ที่พลิกมามีกำไร


คุณค่าบริษัท

หลังจากจอโรงภาพยนตร์ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR มืดมาเกือบ 2 ปี รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิดจนต้องปิดโรงภาพยนตร์ ทำให้ผลประกอบการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาย่ำแย่ ปี 2563 พลิกมาขาดทุน 527 ล้านบาท จากรายได้รวม 3,936 ล้านบาท

ส่วนปี 2564 ที่เห็นโชว์กำไรสุทธิ 1,581 ล้านบาท จากรายได้รวม 3,365 ล้านบาท เกิดจากการบุ๊กกำไรพิเศษการขายเงินลงทุนในบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลล้อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ให้กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ต่างหาก ดังนั้นถ้าตัดรายการนี้ออกไป MAJOR ก็ยังขาดทุนอยู่นั่นเอง

แต่หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย MAJOR สามารถกลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ ก็เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เริ่มจากไตรมาส 1/2565 ที่พลิกมามีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 119 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 853 ล้านบาท

ล่าสุดผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยพลิกมามีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 218 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 1,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 437 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากรายได้จากภาพยนตร์ต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงหลายเรื่อง อาทิ Doctor Strange : Multiverse of Madness, Jurassic World Dominion, Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore, Top Gun Maverick และภาพยนตร์ไทย เรื่อง แดงพระโขนง ประกอบกับโรงภาพยนตร์สามารถเปิดให้บริการได้ครบทุกสาขา ทำให้มีจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการเพิ่มช่องทางการขายป๊อปคอร์นตามช่องทางต่าง ๆ อีกด้วย

ขณะที่ บล.เคจีไอ คาดว่าผลประกอบการของ MAJOR จะดีขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 เนื่องจาก 1.มีโปรแกรมหนังเด็ดรอเข้าฉายอยู่ 2.ยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวจะเพิ่มขึ้นตามโปรแกรมหนังเด็ดที่รอเข้าโรง และ 3.รายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3/2565 คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานที่ต่ำมากในไตรมาส 3/2564 แต่จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1/2565 จากปัจจัยฤดูกาล (ช่วงฤดูฝน) และจำนวนหนังฟอร์มใหญ่น้อยกว่า (Thor : Love and Thunder และ บุพเพสันนิวาส 2)

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เอาไว้เท่าเดิมที่ 588 ล้านบาท และปี 2566 ที่ 1,200 ล้านบาท

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MAJOR ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 8.32 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.96 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาดหลายเท่า อย่างไรก็ตามถ้าไปดู P/BV ที่ระดับ 2.58 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.62 เท่า

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

นายวิชา พูลวรลักษณ์ 265,240,100 หุ้น 29.65%

NORTRUST NOMINEES LTD-CL AC 52,713,363 หุ้น 5.89%

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 50,199,535 หุ้น 5.61%

GIC PRIVATE LIMITED 45,563,200 หุ้น 5.09%

SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 44,814,580 หุ้น 5.01%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ รองประธานกรรมการ
  4. นางภารดี พูลวรลักษณ์ กรรมการ
  5. นายธนกร ปุลิเวคินทร์ กรรมการ
  6. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการ
  7. นายชัย จรุงธนาภิบาล กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
  8. นายเสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการอิสระ
  9. น.ส.ชลธิชา จิตราอาภรณ์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  10. นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  11. นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการอิสระ

Back to top button