คราวซวยหุ้นร้อน

เดิมที โมนิก้า ตั้งใจจะเม้าท์ถึงหุ้นทางเลือกเพื่อเปิดโอกาสให้มีช่องทางในการลงทุนที่หลากหลาย แต่เผอิญเห็นข่าวลบของหุ้นรายตัวเข้ามาไม่หยุดหย่อน


เดิมที “โมนิก้า” ตั้งใจจะเม้าท์ถึงหุ้นทางเลือกเพื่อเปิดโอกาสให้แฟนคลับได้มีช่องทางในการลงทุนที่หลากหลาย แต่เผอิญเห็นข่าวลบของหุ้นรายตัวเข้ามาไม่หยุดหย่อน จึงต้องเปลี่ยนประเด็นที่อยากเม้าท์แตกแบบเร่งด่วน เพราะแต่ละเรื่องมีผลกระทบต่อหุ้นในระยะยาวทั้งนั้น เลยไม่อยากให้แฟนคลับหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่น เพราะนาทีเป็นการช่วงชิงความไวในการเคาะซ้ายไงละคะ

ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และยังมีผลกระทบจากสงครามที่ยืดเยื้อจนทำให้ฝั่งอเมริกากับยุโรปมีปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายตลอดเวลา จึงต้องหาทางหลบหนีทีไล่ให้เร็ว “โมนิก้า” จึงขอเม้าท์ถึงหุ้นร้อนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะไร้ทางไป หลังชุมชนแมงลือเม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า “ไอ้หวังตายแน่” พะยะค่ะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนมองการทรุดตัวของดัชนีลงปิดที่ 1,642.33 จุด ลบไป 14.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.27 หมื่นล้านบาท มันคือสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในการลงทุนจะถี่ขึ้น หลังดัชนีขึ้นไปทำ “ดับเบิลท็อป” ที่บริเวณ 1,670 จุดแล้วไม่ผ่าน จึงต้องพยายามเกาะแนวรับสำคัญบริเวณ 1,650 จุดให้ได้นานที่สุด ซึ่งจะเป็นการรักษามูฟเมนต์ตลาดหุ้นไม่ให้แย่ลงไปกว่าเดิมเจ้าค่ะ

สำหรับคนที่ซวยหนักในเที่ยวนี้กลายเป็นปูนใหญ่ SCC เพราะเจอทั้งกองทุนและฝรั่งระดมขายหุ้นทิ้งอย่างหนัก จนราคาหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลาร่วมสามเดือน แต่ที่หนักสุดคงเป็นช่วง 3 วันก่อนหน้านี้ที่พวกท่าน ๆ ถล่มขายชนิดโงหัวไม่ขึ้น ผนวกกับมาเจอเรื่อง “คาร์บอนเครดิต” ซ้ำดาบสองตรงกลางกบาล (ว่ากันว่า ธุรกิจปูนสร้างมลพิษเยอะสุด) วานนี้ถึงเห็นหุ้นไหลลงมาปิดที่ 341 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.22 พันล้านบาทแบบไร้ทางสู้จ้า!

อีกรายที่โดนจัดหนักไม่แพ้กัน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นโรงแรมอย่าง SHR เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูจากแรงขายที่รินออกมาเรื่อย ๆ ก่อนหน้า ก็คงไม่มีอะไรต้องวอรี่มากนัก แต่วานนี้ดันโดนสาดโครมเดียว จนราคาหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 3.42 บาท ลบไป 0.36 บาท หรือลงไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า นักเล่นกังวลเรื่องต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้นจะกระทบกำไรอย่างมีนัยสำคัญ จึงเลือกที่จะขายทิ้งเพื่อเข้าสู่โหมดเซฟโซนนะจ๊ะ

ส่วนรายของน้องมิ้น MINT ที่ถูกขายลงมาก่อนหน้านี้ ก็สู้กลับด้วยการโชว์ข้อมูลคนเข้าพักโรงแรมแตะ 70% เพื่อทำให้นักเล่นอุ่นใจว่า ผลงานไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ยังแจ่มเหมือนเดิม ผสานกับโบรกเกอร์มองผลกระทบในเที่ยวนี้แค่จิ๊บ ๆ จึงวางเป้าไว้ที่ราคา 43 บาทแบบนี้ มันทำให้การยืนปิดที่ระดับ 28.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.81 พันล้านบาท น่าสนใจขึ้นมาทันทีนะนายจ๋า!

เรื่องถัดมาที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงคงพุ่งเป้าไปที่เจ้าพ่อกัญชาอย่าง GUNKUL เพราะการทรุดลงเที่ยวนี้มันเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กัญชา ที่เจอเข้ากับโรคเลื่อน จึงทำให้ความฝันอันยิ่งใหญ่มลายหายไปในทันที และทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ระดับ 5.30 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 819 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า งานนี้จะแก้เกมวิตกจริตอย่างไร?

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นโรงไฟฟ้าก็มีความกังวลเกี่ยวกับศาลรับคำร้องแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ จึงทำให้นักเล่นเกิดความกังวลว่า แผนสร้างโรงไฟฟ้าของบริษัทจะล่าช้าออกไปอีก และจะกระทบกับการเติบโตของบริษัทนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเพียงเซนติเมนต์เชิงลบในระยะสั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่า ปีนี้เจ้าพ่อเจ้าแม่โรงไฟฟ้ายังโตดีเหมือนเดิมเจ้าค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้นประกันอย่าง TIPH กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการร่วงลงของหุ้นส่วนหนึ่งมันมีข่าวแพลมออกมาก่อนหน้านี้ว่า กองทุนขายหุ้นเพื่อโยกเงินไปลงทุนในหุ้นประกันอีกตัวที่เพิ่งคืนฟอร์ม ซึ่งเป็นเหตุให้ราคาไหลลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ผนวกกับผลงานในช่วงครึ่งปีแรกก็ดันออกมาไม่สวยเอาเสียเลย จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ 60.25 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 377 ล้านบาท จริงหรือไม่? ลองถามพวกกองทุนแล้วกันนะจ๊ะ

Back to top button